林仙儿
林仙儿   T'ai-pei, Taiwan
 
 
Garena ID : 21977079 (林仙儿) (I'm Thai people)
Shroud of the avatars forum : NaomiLin
My Favourite game type is RPG, Board game
Currently Offline
Favorite Game
17.7
Hours played
Review Showcase
Vagrus – The Riven Realms 9/10 (RPG, เนื้อหาเยอะ, วางแผน)
[Story]
ภายโลกใบหนึ่งในทวีปขนาดใหญ่ที่กินอาณาบริเวณกว้างขวางนามว่า Xeryn คือจุดกำเนิดของของสังคมอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ด้วยความทะเยอะทะยานและความอุตสาหะอันเป็นสัญชาติญาณของมนุษย์ทุกคนก็ทำให้ความรุ่งเรื่องของอารยธรรมมนุษย์ที่ปกครองโดยจักรวรรดิ Empire รุ่งเรืองถึงขีดสุดในช่วงเวลาหลายพันปีของการพัฒนาและในขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ก็คือความไม่จีรังของวัฐจักรในโลก จักรวรรดิ Empire ก็ถึงกาลพบเจอกับมหันตภัยกลียุคที่ร้ายแรงที่สุดในมวลมนุษย์ชาติ แต่มหันตภัยนั้นหาใช่เกิดจากภัยธรรมชาติหรือความโชคร้ายของมนุษย์ปุถุชลโดยทั่วไป แต่มันคือคำพิพากษาขององค์เทพบรรพกาล (Elder God) ที่ไม่อาจทนดูเห็นความโหดร้ายไร้มนุษยธรรมทั้งต่อสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติเพื่อนร่วมโลกด้วยกันของ อารยธรรมมนุษย์ที่ปกครองโดยจักรวรรดิ Empire ได้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมามนุษย์แห่งจักรวรรดิ Empire ได้ทำสงครามทั้งกับผู้คนในทวีปภพ (Realm) ของตนเอง แต่นั่นก็ไม่เคยเพียงพอแต่ความทะเยอทะยานในการขยายอนาเขตและค้นพบสิ่งใหม่มนุษย์แห่ง Empire จึงเปิดสงครามกับภพ Realm อื่นๆ อย่างไม่หยุดหย่อนและสงครามที่สร้างโดยมนุษย์แห่ง Empire ไม่เคยปราณีใครทั้งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่มีผู้สูญเสียนับไม่ถ้วนหรือการจับสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะจากเผ่าพันธุ์เดียวกันหรือเผ่าพันธุ์ไหนล้วนถูกนำมาใช้เป็นทาส Slave แรงงานหรือเพื่อความบันเทิงสนองความสุขทางเนื้อหนังของมนุษย์ Empire อย่างไม่สิ้นสุด จนในที่สุดวันพิพากษาขององค์เทพบรรพกาลก็มาถึง เหล่าทวยเทพได้สาปส่งมหาภัยแห่งกลียุคไปยังใจกลางทวีป Xeryn ที่เต็มไปด้วยผู้คนและอารยธรรมมนุษย์ที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดไม่เคยคาดคิดว่า เหล่าเทพบรรพกาลที่พวกเขาเคารพและบูชาใช้นำเป็นที่ยึดเหนี่ยวหรือข้ออ้างในการทำสงคราม หาได้พอใจกับการอ้างชื่อของเหล่าทวยเทพในการทำสงครามอันต่ำช้าและไร้มนุษย์ธรรมเป็นระยะเวลากว่าหลายพันปี ซึ่งนั่นเองทำให้มหาภัยพิบัติทั้งทั้งคลื่นพายุคลั่งที่แผสมด้วยเวทย์มนต์ทำลายล้างชั้นสูง มหาอุกบาตที่ตกลงเป็นไฟบรรลัยกัลเผาผลาญอารยธรรมของ Empire ในทวีป Xeryn ไปชั่วข้ามคืน. ทั้งความผิดหวังและความเสียใจในสิ่งที่กระทำลงไปเพราะความเดือดดาลในตัวมนุษย์ แผนการสั่งสอนให้มนุษย์สำนึกในบาปของตนดูเหมือนจะรุนแรงเกินไปและคร่าชีวิตทั้งผู้บริสุทธิ์และธรรมชาติเกือบทั้งหมดในทวีป Xeryn ไปโดยไม่มีการเลือกหน้าทั้งนั้น. เหล่าทวยเทพก็รู้สึกได้ว่าที่มิติภพแห่งนี้คงจะเกินเยียวยากว่าจะฟื้นฟู สุดท้ายองค์เทพบรรพกาลจึงตัดสินใจที่จะจากมิติภพแห่ง Xeryn ไปตลอดกาลทิ้งไว้แค่ซากแห่งความผิดหวังของอารยธรรมมนุษย์ Empire ผู้ครั้งนึงเคยยิ่งใหญ่ถึงขีดสุด.
[Gameplay]
ถึงแม้ว่าทวีป Xeryn จะถูกทำลายไปด้วยมหาภัยแห่งกลียุคแล้วแต่มนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่คิดว่าสูญพันธุ์ไปเกือบหมด แต่ด้วยเวลาและองค์ความรู้อารยธรรมและบรรดาเทวาอารักษ์ที่ถึงแม้จะไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์สูงระดับเทพบรรพกาลก็ยังคงปรานีและชี้นำหนทางรอด ให้กับสิ่งมีชีวิตที่คอยบูชาตนทำให้ทวีป Xeryn แม้จะถูกทำลายไปย่อยยับสภาพสิ่งแวดล้อมเหลือเพียงแค่ดินแดนรกร้าง (Wasteland) คลื่นพายุมนต์ตราเข้มข้นที่บิดเบี้ยวแก่นสารของสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นสิ่งกลายพันธุ์ผู้แปดเปื้อน (Taint) กาลเวลากว่าพันปีต่อมาก็เยียวยาให้ อารยธรรมที่กระจายระหกระเหินไปทั่วทั้งแดนภพถือกำเนิดขึ้นมาจากฝุ่นธุรีอีกครั้ง เราในบทบาทผู้นำขบวนคณะเดินทางคาราวานที่จะถูกเรียกว่า Vagrus จะคอยเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆภายในดินแดน Wasteland เพื่อเอาชีวิตรอดในทวีป Xeryn อันกว้างขวางต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าการเดินทางในยุคหลังการเผชิญของมหาวิบัติแห่งยุคนั้นเต็มไปด้วยความอันตรายและสิ่งต่างๆให้ค้นพบมากมายทั้งจากอารยธรรมก่อนกาลล่มสลายและโลกที่กว้างใหญ่ การเล่นของเกม Vagrus จึงเป็นการควบคุมกองคาราวาน (Comitatus) ซึ่งถ้าเพื่อนๆทุกคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะเห็นว่าการบรรยายนั้นมีความยืดเยื้อและดูท่าจะมีรายละเอียดอีกเยอะเป็นแน่แท้ ซึ่งนั่นก็คืออีกแก่นหลักของเกม Vagrus ที่มีการบรรยายระดับมหาศาลโดยมีมากกว่าหนึ่งล้านคำ (1 Million Word) เรียกได้ว่าเป็นมหาปราการแห่งอักษรที่ Vagrus ทุกท่านจะต้องอ่านและทำความเข้าใจถึงโลกและวัฒนธรรมในเกมต่างๆ เพราะว่าเกมนี้มี Lore ที่เนื้อหาเยอะแบบคิดว่าเทียบเท่า Skyrim, Dragon Age ไปได้เลย แต่จะถูกบรรยายของมาในรูปแบบของตัวหนังสือที่อยู่ในหนังสือเดินทาง แต่เกมนี้ก็ไม่ได้ให้เราอ่านๆแบบเกม Choose Your Own Adventure อย่างเดียวหรือ Visual Novel ไปเลย เพราะตัวเกมจะให้เราบริหารกองเดินทาง Comitatus ซึ่งต้องบริหารในแง่ของกำลังรบของนักสู้ที่จะช่วยเราในการเดินทางอันโหดร้ายของสภาพ Wasteland ใน Xeryn การควบคุมค่าใช้จ่าย, เสบียง, การรักษาสมาชิกในกองทัพจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งตรงนี้ถ้าใครมองหาเกมวางแผนที่ให้เราควบคุมทรัพยากรได้ในระดับนึงคล้ายกับเกมซีรีส์ The Guild ที่มีการผลิต-ค้าขาย สิ่งต่างๆไปยังแต่ระเมืองที่ได้กำไรแตกต่างกัน Vagrus ก็จะมีให้ครบ โดยสิ่งต่างๆไอเทมในเกมหรือความต้องการสินค้าในเกมนั้นก็จะเป็นไปตาม Lore ที่บรรยายสภาพแวดล้อมในเกม ซึ่งจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราต้องอ่าน Lore เพื่อให้เรามีความเข้าใจและเข้าไปถึงการบรรยายและการสร้างโลกของเกม Vagrus ที่ทำโดยผู้พัฒนาเกมซึ่งมีประสบการณ์ในการเล่นเกม Dungeon & Dragon (D&D) มามากกว่า 20 ปีในฐานะ Dungeon Master (DM) ตรงจุดนี้อาจจะเป็นการบอกกลายๆแล้วว่าจินตนาการของผู้เล่นที่มีต่อการเล่าเรื่องและความอย่างดื่มดำสงสัยในรายละเอียดของสิ่งที่เกม (DM) Vagrus ถ่ายทอดออกมาเป็นสิ่งหนึ่งที่จะตัดสินว่าเกมนี้นั้นสนุกหรือไม่สนุก เพราะถ้าหากผู้เล่น D&D ไม่เข้าใจไปในสิ่งที่ DM ถ่ายทอดออกมาให้ฟังไม่ว่าจะเป็นเพราะปัจจัยใดก็ตามเช่น DM เล่าเรื่องได้ไม่ลึกพอ หรือว่าเล่าดีแล้วแต่ผู้เล่น D&D เองไม่มีความเข้าใจดื่มดำไปกับ Campaign ที่ DM เป็นคนสร้าง สุดท้ายการเล่น D&D ในรอบนั้นก็จะไม่สนุก และเหมือนแค่ไปฟังสองคำสุดท้ายที่ DM บอกว่าถึงเวลาตัดสินใจทอยเต๋าทำอะไรสักอย่าง แล้วก็ทอยเต๋าไปอย่างไร้จุดหมายทนจนจบเกมแล้วก็รู้สึกโล่งๆไม่เข้าใจ ไมได้อะไรกลับไปไม่รู้ทำอะไรอยู่ ซึ่งตรงนี้เองก็คือตรงกับสิ่งที่เกม Vagrus ตั้งใจถ่ายทอดออกมา เพราะทุกอย่างที่บรรยายออกมาให้กองคาราวาน Comitatus ของเราไปพบเจอนั้นคือ อ้างอิงตามสถานที่ต่างๆ, ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมต่างๆในโลกของเกม Vagrus ทั้งหมด ทุกอย่างมีหนังสือ Codex อธิบายสิ่งมีชีวิต, วัฒนธรรม, สถานที่ อื่นๆ อีกมากมายให้ถึง 250 อย่าง และแต่ล่ะอย่างก็คือเป็นคำบรรยายถึงสิ่งเหล่านั้นที่ละเอียดและยาวประมาณแบบที่เราพิมพ์รีวิวอยู่แบบนี้ ดังนั้นเนื้อหาของเกม Vagrus คือการออกสำรวจโลกกว้างของกองคาราวานเรา และจากการเดินทางทั่วๆไปที่เริ่มต้นในโลกกว้างในเราฐานะหัวหน้ากองคาราวาน จะเจอกับเหตุการณ์ที่น่าสนใจทั่วๆไปในตอนต้นแต่เราจะไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ และจะค่อยๆขยายๆไปเรื่อยๆจนไปเจอกับ Plot ที่ซับซ้อนใหญ่ขึ้นให้เราเจอสิ่งต่างๆมากขึ้นไปอีก รวมถึงเพื่อนร่วมทาง Companion ที่น่าสนใจที่จะมีแต้มความสัมพันธ์ที่ปรับเปลี่ยนไปตามการกระทำของเราในฐานะหัวหน้าคาราวาน ตามเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบ่อยๆ
[Summary 9/10]
+ เกมเนื้อหาเยอะแบบมหาศาลและเนื้อหาดีมีการบรรยายที่ลุ่มลึกคำศัพท์ส่วนตัวคิดว่าค่อนข้างซับซ้อนใช้ศัพท์พรรณาระดับสูงพอสมควร 1 Million Word ซึ่ง Harry Potter 7 เล่ม, เทียบเท่า Baldur’s Gate 2 แต่ต้องอย่าลืมว่าเกมนี้ไม่มีภาพเคลื่อนไหวสามมิติ เกมนี้เป็นการบรรยายล้วนๆ และการบรรยายคือเนื้อเรื่องหลักที่ให้เรารู้ว่าเราต้องทำอะไรไปผิดถูกตามบริเวณที่บอก ซึ่งถ้าอ่านมาก็สามารถไปได้อย่างถูกต้อง ซึ่งตัวเกมนั้นยาวเกิน 100 ชั่วโมงแน่ๆ เพราะแค่โหมดฝึกสอนก็มีความแยบยล
+ ระบบการเดินทางที่ให้เราบริหารกองคาราวานเพื่อเตรียมทั้งต่อสู้และค้าขาย พร้อมกับการเจอสิ่งที่ซ้อนไว้ในแผนที่ Grid ขนาดใหญ่มากๆ มีความสนุกในการทำภารกิจซ้ำเพื่อ Grinding และออกผจญภัยครั้งใหญ่ใหม่ๆ ซึ่งเราจะไม่ทราบแผนที่ทั้งหมดของทวีป Xeryn ในทันทีแต่เราต้องาศัยการฟังแลกเปลี่ยนข่าวสารกับผู้คนในโรงเตี๊ยมต่างๆ ทำให้เราได้ข่าวสารมาและเปิดเผยสถานที่หรือภารกิจบางอย่างจึงจะสามารถทำได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าไมได้ข่าวและจะไปไปยังที่นั้นๆไมได้นะ บางสถานที่ก็แค่เคลื่อนกองทัพไปก็ค้นพบได้เลย แต่บางสถานที่ก็ต้องการวิธีการพิเศษจริงๆ
+ การปรับแต่งค่าตัวละครกองคาราวานมีความลุ่มลึกสูงโดยการเดินทางในเกมนั้นเราเล่นแล้วโอกาสแพ้เป็นเรื่องปกติด้วยความขาดประสบการณ์ ไม่รู้กลไกระบบของเกมได้ลึกมากพอ หรือบางครั้งมันคือการไปแบบเราไม่ทราบเหตุการณ์ข้างหน้า ให้เราตัดสินใจแบบตามที่เราคิดว่าดีที่สุดคือสิ่งที่สน
-+ ตัวหนังสือมีขนาดเล็กควรจะทำให้ขยายได้แบบ Pillars of Eternity หรือทุกๆ CRPG เกมที่มี Wall of Text ซึ่งผู้พัฒนากำลังทำให้รองรับ Controller + อุปกรณ์พกพาต่างๆอยู่
-+ งานศิลป์ Artwork ในเกมทำมาได้ดีในบรรยากาศ Dark Fantasy ที่อยู่ในโลกล่มสลายมีความเหมาะสมมากแต่ด้วยการที่ตัวหนังสือเยอะมหาศาลหากมี Artwork ให้เยอะมากขึ้นกว่านี้น่าจะทำให้เกมมีอรรถรสมากขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดของเกม Indy ที่มีงบน้อยก็เป็นสิง่ที่เข้าใจได้ เพราะเกมนี้ได้งบไปสองแสนกว่า USD ในงานระดมทุน
-+ เพลงประกอบมีไม่เยอะมากเท่าไหร่แต่จริงๆเกมนี้ก็เป็นเกมแนวที่จงใจออกแบบให้เปิดเพลงประกอบเดิมวนซ้ำๆเหมือนเป็น Ambient มากกว่าอยู่แล้วจึงไมได้มีผลอะไรนักแต่ถ้ามีเยอะขึ้นก็อาจจะดีด้วยเหตุผลข้อจำกัดเหมือน Artwork เช่นกัน
Favorite Game
Review Showcase
Planescape: Torment 9.5/10 เนื้อเรื่องดีที่สุดตั้งแต่เคยเล่นเกมมา (RPG, เนื้อหาเยอะ)
[Story]
เราจะได้รับบทบาทเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งซึ่งจะเรียกว่ามนุษย์ก็คงจะไม่ได้เพราะว่าตัวเรานั้น "เป็นอมตะ" แต่กระนั้นความเป็นอมตะของเรากลับไม่ได้ช่วยให้เราเป็นวีบุรุษผู้กอบกู้โลกจากภัยพิบัติหรือไปต่อสู้กับอสูรดีมอร์กอร์กอน (Stranger Things Season 1 ตอนแรก) แต่อย่างใด เพราะทันใดที่คุณลืมตาขึ้นมาจากเตียงหินที่อยู่ในห้องเก็บศพกลิ่นอับๆ อีกทั้งคุณก็พบว่าคุณจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องในอดีตของตัวเองและเมื่อคุณหันไปข้างๆคุณก็พบกับ "หัวกระโหลกลอยได้ ?" ไม่ใช่แค่ลอยได้แถมยังพูดได้อีกต่างหาก และเมื่อออกมากและเมื่อเล่นไปเรื่อยๆเราจะค่อยๆพบกับเพื่อนร่วมทาง (Companion) คนใหม่ๆที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเองทีล่ะคนทีล่ะคนอีกด้วย ซึ่ง Companion แต่ล่ะคนนั้นจะมีส่วนสำคัญต่อเนื้องเรื่องอย่างมาก และเกมนี้จุดสำคัญของ Concept ในเกมคือการค้นพบว่าตัวเราเองคือใครเพราะเราไม่มีความทรงจำอยู่เลยแม้แต่ชื่อตัวเองก็ไม่เคยมีใครจำได้เราจึงถูกขนานนามว่า "ผู้ไร้นาม" (Nameless One) ดังนั้นการที่เราจำอะไรไม่ได้เลย และตัวเกมก็ไม่บอกอะไรเราเลยอีกด้วยดังนั้นภารกิจในเกมนี้จึงไม่ใช่การที่ป้องกันโลกจากสัตว์ประหลาด หรือมหันภัยทำลายล้างโลกแต่อย่างใดแต่กลายเป็นว่าทุกภารกิจคือ "การค้นหาว่าเราคือใคร" และแน่นอนไม่ใช่ภารกิจแบบว่าเดินไปถามว่า "นี่ท่านรู้จักข้ามั้ย ฮัลโหล?" แต่ว่าทุกภารกิจคือถูกตั้งใจสร้างมาจริงๆแม้แต่ Side Quest ยังทำให้เราได้รู้อะไรอีกเยอะเกี่ยวกับตัวเรา และการเขียนบอกเนื้อเรื่องในเกมคือ ไม่ใช้ภาษายืดเยอะ แต่เป็นการสื่อคำพูดที่ต้องการออกไปเลยทำให้อ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายมาก (ลองนึกถึง Visual Novel, Light Novel) ซึ่ง Plot เรื่องทั้งหมดคือการวางโครงเรื่องแบบเริ่มจากตัวเราและแผ่ขยายไปหาผู้อื่น ตรงข้ามกับเกมอื่นที่การวาง Plot จะเป็นเราเดินไปหาคนอื่น แต่ Torment กลับใช้ Plot แบบการคลี่ปมออกจากตัวเราทีล่ะส่วนทีล่ะส่วนและปมเรานี้จะชี้ไปหาคนอื่นๆ ในโลกนี้ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์กับเรา การเขียนบทโดยคุณ Chris Avellone ในเกมนี้ถือว่าดีถึงขั้นที่สุดของที่สุดแล้ว ถ้าให้เปรียบเทียบกับ Torment: Tide of Numenera อันนั้นคือถือว่าน่าผิดหวังระดับหนึ่งเพราะว่าเน้นบรรยายเยอะ (แต่เรางงว่าจะสื่ออะไรอ่านแล้วไม่อินเลยทนเล่นมาตั้งนานแต่ไม่ใช่จริงๆ) แต่สำหรับต้นฉบับอย่าง Planescape: Torment อันนี้เขียนได้เหมือน Light Novel หรือ Visual Novel ที่เน้นให้คนอ่านอินรู้สึกว่ามันสุดยอดมากๆเพราะทุกอย่างคืออิงจากผู้เล่นเป็นศุนย์กลางจริงๆ (Numenera เขียนแบบมุมมองบุคคลที่สามและบรรยายศัพท์ งงๆ เยอะเราเลยไม่อินก็ได้)
อีกทั้งเหล่า Companion ต่างมีความสัมพันธ์กับเราอย่างแยบยลและจะค่อยๆเผยออกมาทีล่ะคนๆ

[Companion] แต่ล่ะคนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อและเป็นคนขับเน้น Concept คำว่า "ความปวดร้าวในจิตใจ" (Torment)
Dak'kon - ภายใต้ความวิริยะ... ความแข็งแกร่งจักบังเกิด
เขาเป็นชาว Githzerai ซึ่งชาว Githzerai (เนื้อหาเพิ่มเติมอยู่ในเกม Neverwinter Nights 2) นั้นเป็นผู้ที่มีความผูกพันกับสิ่งที่เรียกว่า "จิต" (Will) เพราะว่าพวกเขานั้นอาศัยอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า Limbo ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่ในระนาบวงนอก (Outer Plane) ซึ่งจะประกอบไปด้วยมิติอีกหลายๆมิติมาอยู่ในระนายเดียวกัน (ลองจินตนาการถึงโลกกลับด้านใน Stranger Things) ซึ่งภายในดินแดน Limbo นี้ถือเป็นมิติที่ต่างจากโลกของเรามากเพราะโลกของเราที่อยู่นั้นจะเรียกว่าระนาบวัตถุสัมผัส (Material Plane) ทุกอย่างนั้นจับต้องได้แต่ว่า Limbo เป็นดินแดนที่ไม่สามารถจับต้องอะไรได้เลยทุกอย่างคือช่องว่างมิติ (Void) แต่ชาว Githzerai นั้นกลับอาศัยอยู่มิติว่างเหล่านี้ได้ด้วยการใช้ *จิต* สร้างเมืองแห่งจิตขึ้นมา พวกเขาทุกคนต้องสื่อจิตเป้นหนึ่งเดียวกันและรากฐานของจิตก็คือการตั้งมั่นในความศรัทธาอย่างแน่วแน่ในคำสอนแห่ง Zerthimon อันเป็นผู้ปลดปล่อยพวกเขาจาก "จอมเปิดโปง" (Mindflayer ชื่อจริงๆคือ illithid จาก Stranger Thing Season 2 ) เมื่อใดก็ตามที่ความสงสัยบังเกิดขึ้นในความศรัทธา *จิต* จะเกิดสภาวะแบ่งแยก แต่ด้วยความที่จิตของพวกเขาทุกคนนั้นสื่อถึงกันเมื่อเกิดสภาวะแบ่งแยกที่คนหนึ่ง *จิต* จะเชื่อมสื่อไปถึงอีกคนหนึ่งและส่งถ่ายต่อกันไปเรื่อยๆ หากเป็นอย่างนี้ต่อเนื่องกัน เมืองที่สร้างด้วย *จิต* จะแตกสลายและพวกเขาจะโดนดูดกลืนลงไปในมิติช่องว่างและไม่มีวันออกมาได้อีกเลย ดังนั้นการเกิดความสงสัยในตนเองของพวกเขา ถือเป็นความผิดร้ายแรงที่ไม่อาจให้อภัยได้ ซึ่งอาวุธของพวกเขาก็คือดาบ Gith ซึ่งสร้างขึ้นมาจาก *จิต* และความศรัทธาในคำสอนแห่ง Zerthimon ยิ่งจิตใจนิ่งดุจน้ำเท่าใดอาวุธของพวกเขาก็ยิ่งคมมากขึ้นเท่านั้น ว่ากันว่าหากจิตของพวกเขามากพอพวกเขาสามารถควบคุมดาบของเขาให้บางเฉียบขนาดอนุภาค และสามารถฟันเพื่อตัดสสารในอากาศออกมาได้เลยทีเดียว ซึ่ง Dak'kon เป็นอีกตัวละครหนึ่งที่ให้เราได้แง่คิดและคำคมปรัชญาสูงมากๆจากเขา (พูดเมื่อไหร่คำคมต้องมา) โดยถ้าเราเล่นไปเรื่อยๆเราจะพบเองว่าทำไมการที่ตัวละครนี้เป็นชาว Githzerai นั้นถึงสำคัญต่อแก่นแท้ของเกมนี้

Fall from Grace - กาลเวลานั้นหาใช่ปรปักษ์แด่ท่านไม่ หากแต่ความเป็นนิรันดร์ผู้ปรปักษ์ต่อท่านตลอดกาล
ซัคคิวบัส (Succubus) คือปีศาจที่คอยดูดวิญญาณมนุษย์ผ่านทางการร่วมกามารมณ์ซึ่งส่วนมากจะเป็นเพศหญิงเสียส่วนใหญ่ซึ่งเหล่าปีศาจซัคคิวบัสเหล่านี้ส่วนมากมาจากระนาบพื้นภิภพ (Lower Plane) ซึ่งจริงๆแล้วถ้าจะพูดไปถึงเชื้อสายความจริงเหล่าซัคคิวบัสนั้นสืบเชื้อสายมาจากเผ่า ทานาร์รี่ (Tanar'ri) ซึ่งส่วนมากจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกลับมนุษย์โดยซัคคิวบัสถือเป็นเผ่าพันธ์ุระดับต่ำถ้าหากเทียบจากบรรดาปีศาจเชื้อสาย Tanar'ri ด้วยกัน ซึ่งสำหรับซัคคิวบัสตนนี้ เธอมีนามว่า Fall from Grace (ผู้ที่ไม่เป็นที่ชื่มชนอีกต่อไป) ซึ่งแค่ชื่อของเธอก็น่าสนใจแล้วเพราะว่า เธอใช้คำนี้ในการเรียกตัวเธอเช่นกัน ซึ่งเธอถือเป็นซัคคิวบัสที่หน้าตาสระสวยที่สุดตั้งแต่คุณเคยพบเจอมา แต่สิ่งที่น่าสนใจอยู่ที่เธอเชื่อในลัทธิ รสสัมผัส (Sensate) ซึ่งเหล่าผู้ที่เข้าลัทธินี้จะต้องมีความเชื่อว่าการลิ้มรสและสัมผัสสิ่งต่างๆด้วยตัวเองผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 จะเป็นการที่ทำให้เข้าถึงแก่นแท้ของความจริงในจักรวาลนี้ได้ เพราะไม่มีสิ่งใดในโลกหากจะหลีกพ้นเหนือความเข้าใจของเราไปได้ หากเราทำการทดลองและสัมผัสสิ่งต่างๆด้วยตัวเราเอง ซึ่งด้วยความที่เธอเป็นซัคคิวบัสเธอจึงสามารถใช้เวทย์มนต์ที่ทำให้มนุษย์ตกอยู่ในภวังค์เคลิ้มได้ (ภาพหลอนที่ส่งผลให้จิตใจเราปรุงแต่งไปตามความคิดในเรื่องของกามารมณ์) โดยทั่วไปแล้วซัคคิวบัสมักจะไม่ใช้แค่ภาพหลอนยั่วยวนมนุษย์อยู่แล้วแต่ปกติจะใช้เนื้อหนังมังสาของตัวเองด้วยอยู่แล้วเพื่อทำการล่อลวงเหยื่อให้ตอบสนองต่อตัณหาในตัวเอง แต่ Fall from Grace เธอกลับเป็นซัคคิวบัสที่บริสุทธิ์และครองพรหมจรรย์(เธอยังไม่เคยร่วมเพศกับใครเลยนั่นเอง) แต่ด้วยความที่เธอเป็นสมาชิก Sensate เธอจึงต้องการสัมผัสเรื่องเหล่านี้รวมถึงต้องการช่วยให้มนุษย์คนอื่นๆ ได้เข้าใจถึงอุดมคติของ Sensate ด้วยการเข้าถึงรสสัมผัสและนำพาให้พวกเขา พบกับความสุขในชีวิตหลังการค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ เธอจึงสร้างหอนางโลมปัญญาศิลป์และโลกีย์(Intellectual and Lust) ซึ่งหญิงคณิกาทุกคนจะต้องมีกฎเหล็กคือการครองพรหมจรรย์และมีความรู้ปราชญ์เปรื่องในศาสตร์ด้านต่างๆแตกต่างกันไปแต่ในขณะเดียวกันต้องมอบความสุขแก่แขกผู้มาใช้บริการได้อีกด้วย ซึ่งมากไปกว่านั้นคือเธอยังเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ (Cleric) อีกด้วยซึ่งโดยทั่วไป Cleric จะต้องเป็นมนุษย์หรือเผ่าพันธ์ุใดๆก็ตามอย่างน้อยก็ไม่มีเลือดของเผ่าปีศาจซึ่งเหล่านักรบศักดิ์สิทธิ์ก็จะได้รับพรจากเหล่าเทพเจ้าที่ตนศรัทธาหรือจากนักบวชในโบสถ์ประจำนิกายของตน แต่ด้วยความที่เธอเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจเธอจึงไม่นับถือเทพเจ้าองค์ใด และเหล่านักรบ Cleric ยังสวมชุดเกราะที่เป็นเอกลักษณ์เสมอนั่นก็คือชุดเกราะเงินเหล็กกล้าทั้งตัวซึ่งจะป้องกันพวกเขาจากปีศาจหรือมนต์ดำ แต่ก็เหมือนเรื่องตลกร้ายอีกเช่นกันที่เธอมีเชื้อสายเลือดเผ่าปีศาจเธอจึงไม่เคยสวมชุดเกราะของนักรบ Cleric รวมไปถึงอาวุธมีคมที่ทำจากเงินหรือเหล็กของนักรบ Cleric ทุกชนิดเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงไม่เคยฆ่าใครเลยตั้งแต่เธอเกิดมาและยังครองพรหมจรรย์่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับชีวิตสภาพกำเนิด Succubus อันเป็นปีศาจ Lawful Evil ซึ่งมักจะครอบงำจิตใจผู้คนด้วยการวางแผนคดโกงต่างๆนั่นเอง ดังนั้น Fall from Grace เธอจึงเป็นเพื่อนร่วมทางที่มีความขัดแย้งในตัวมากที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นในเนื้อเรื่องของเกมไหนๆตั้งแต่ชื่อของเธอจนไปถึงพฤติกรรมของเธอเอง ซึ่งก็ขัดแย้งกับธรรมชาติที่เธอเกิดมา

[Summary] 9.5/10
+ เนื้อเรื่อง Story คือสุดยอดเข้าหิ้งแม้แต่ Side Quest ก็ยังสอดแทรกแง่คิด และไม่ใช้คำศัพท์ยากให้ปวดหัวอ่านแล้วเข้าใจ (อ่านเยอะแต่อ่านแล้วสนุกสมดุลกับฉากต่อสู้) คือแม้แต่คำพูดเล็กๆยังทำให้เราได้ฉุกคิดถึงชีวิตจริงสะท้อนแง่คิดตามตัวอย่างคำพูดที่เราคัดมา ถ้าตอนนี้จะยังไม่เข้าใจว่าสื่อถึงอะไรต้องลองไปเล่นเองงง ดีย์มั่กกก
+ ฉากต่อสู้ Combat เทพเจ้าของความสนุกแบบตระกูล CRPG
+ Soundtrack เสียงประกอบสมจริงบรรยากาศได้มากๆทั้งตอนต่อสู้คือดีอะลองนึกดูนะเกมออกมา 1999 แต่เพลงยังเพราะถึงตอนนี้โดยเฉพาะเพลงของ Fall from Grace
+ Remaster UI แล้วภาพชัดเกมเลยออกมาสไตล์แบบ Obsidian Studio
- เกม crash บน GPU Intel 620 HD (laptopไม่มีการ์ดจอ) ต้องเซฟบ่อยๆ
Screenshot Showcase
What can change the nature of a man ?
1
𝓟 𝓐 𝓔 𝓦 2 Jan @ 9:40am 
☆¸.•°”˜˜”°•.¸☆ ★ ☆¸.•°”˜˜”°•.¸☆
╔╗╔╦══╦═╦═╦╗╔╗ ★ ★ ★
║╚╝║══║═║═║╚╝║ ☆¸.•°”˜˜”°•.¸☆
║╔╗║╔╗║╔╣╔╩╗╔╝ ★ NEW YEAR ☆ 2024
╚╝╚╩╝╚╩╝╚╝═╚╝ ♥¥☆★☆★☆¥♥ ★☆ ♥♥♥
Turtle Rabbit 1 Jan @ 6:01am 
🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹⬛️⬛️🈹🈹
🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹⬛️⬛️🈹🈹
⬛️⬛️⬛️🈹🈹⬛️🈹🈹⬛️🈹🈹⬛️⬛️⬛️⬛️🈹🈹⬛️🈹🈹⬛️⬛️🈹🈹
🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹⬛️🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹🈹
🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹⬛️🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹🈹
🈹🈹🈹⬛️⬛️⬛️🈹🈹⬛️🈹🈹⬛️🈹🈹🈹⬛️⬛️⬛️⬛️⬛️⬛️⬛️🈹🈹🈹
🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹⬛️⬛️⬛️⬛️⬛️🈹🈹
🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹⬛️🈹🈹🈹🈹🈹⬛️⬛️⬛️⬛️⬛️🈹🈹
Turtle Rabbit 1 Jan @ 5:39am 
╔╗╔╦══╦═╦═╦╗╔╗ ★ ★ ★
║╚╝║══║═║═║╚╝║ ☆¸.•°*”˜˜”*°•.¸☆
║╔╗║╔╗║╔╣╔╩╗╔╝ ★ ℕ𝔼𝕎 𝕐𝔼𝔸ℝ ☆
╚╝╚╩╝╚╩╝╚╝═╚╝ ¥☆★☆★☆¥★☆★☆¥★☆¥
⢠⣶⣿⠿⣿⣶⡄⠄⣠⣶⡿⢿⣷⣄⠄⠄⣴⣾⠿⢿⣷⣄⠄⢀⣴⡾⠄⠄⣿⡀
⢸⡿⠄⠄⢈⣿⣿⠄⣿⡿⠄⠄⢹⣿⡆⠸⣿⠃⠄⠄⣿⣿⠄⢸⣿⡇⠄⠄⣿⠄
⠄⠄⢀⣤⣾⡿⠁⠄⣿⡇⠄⠄⢸⣿⡇⠄⠄⠄⣠⣾⡿⠋⠄⣿⡇⣿⣿⢿⣯⣿⠄
⢀⣴⣿⡿⠃⠄⠄⠄⣿⣧⠄⠄⢸⣿⡇⠄⣠⣾⡿⠋⠄⠄⠄⠄⠄⠄⠄⣿⡇
⢸⣿⣿⣶⣶⣶⣶⠄⠙⢿⣷⣶⡿⠟⠄⠸⣿⣿⣶⣶⣶⣶⠄⠄⠄⠄⠄⣿⠃
Turtle Rabbit 25 Dec, 2023 @ 8:24am 
╔╗╔╦══╦═╦═╦╗╔╗ ★ ★ ★
║╚╝║══║═║═║╚╝║ ☆¸.•° •.¸☆
║╔╗║╔╗║╔╣╔╩╗╔╝ ★ NEW YEAR ☆
╚╝╚╩╝╚╩╝╚╝═╚╝
☆ ★ ☆¨`*•..¸ ¸.•*¨` ☆ ★ ☆
╭━━━╮╭━━━╮╭━━━╮╭╮ ╭╮
┃╭━╮┃┃╭━╮┃┃╭━╮┃┃┃┃┃┃
╰╯╭╯┃┃┃┃┃┃╰╯╭╯┃┃┃┃┃┃
╭━╯╭╯┃┃┃┃┃╭━╯╭╯┃╰━╯┃
┃┃╰━╮┃╰━╯┃┃┃╰━╮╰━━╮┃
╰━━━╯╰━━━╯╰━━━╯   ╰╯ 
Turtle Rabbit 25 Dec, 2023 @ 8:02am 
°.˛*.˛°˛.*˛°.˛*.°˛*★.˛*.˛°˛°.°°.˛*.˛°˛.˛°.˛*.˛°˛.˛°.˛*.˛°.˛*.˛°˛.˛°.˛*.˛°˛.˛°.˛*.˛°˛°.°
★˛˚˛*˛°.˛*.*˛°˛*.˛/\˚˛*˛°.˛*.˛°˛.*★Merry*★* 。*˛.˛°.˛*.˛°˛.˛°.˛*.˛°˛.˛°.˛*.˛°˛°.°
˛.°_██_*。*/.♥.\ .˛* .˛。.˛.*.★* Christmas*★ 。*˛°.˛*.˛°˛.˛°.˛*.˛°˛.˛°.˛
.* (´• ̮•´)*。*/.♫.♫\*˛.* ˛_Π_____.♥ ♥ ˛*and˛*˛°.˛*.˛°˛.˛°.˛*.˛°˛.˛°.˛*.˛°˛.°
˛.°( . • . ) ˛°˛./• '♫ ' •\.˛*./______/ ~\*. ˛* Happy New Year!*˛°.˛*.˛°˛.˛
*(...'•'...) *˛╬╬╬╬╬╬° | 田 田|門|╬╬╬╬╬╬╬╬╬╬╬╬╬╬╬╬╬╬╬╬
¯˜"*°••°*"˜¯`´¯˜"*°••°*"˜¯` ´¯˜"*°´¯˜"*°••°*"˜¯`´¯˜"*°••°*"˜¯`´¯˜"*°••°*"˜¯`
𝓟 𝓐 𝓔 𝓦 1 Jan, 2023 @ 7:32pm 
ღ♪*•.¸¸.•*¨¨*•.¸.•*¨¨*•.¸¸.•*¨¨*•.¸¸.•*¨¨*•.¸¸.•*¨¨*•.¸¸.•*¨¨*•.¸¸.•*¨¨*•.¸¸.•*¨¨*•♪ღ♪
ღ♪░H░A░P░P░Y░ ★░N░E░W░★░Y░E░A░R░★░2░0░2░3░♪ღ
•♪ღ♪*•¸¸¸ *¨¨*•♪ღ♪*¨¨*•♪ღ♪*•.¸¸¸.•*¨¨*•♪ღ♪*•.¸¸.•*¨¨*•♪ ღ♪*•.¸¸¸.•*¨¨*•.¸¸♪ღ♪•