180
Products
reviewed
0
Products
in account

Recent reviews by SYD the Red

< 1  2  3  4  5 ... 18 >
Showing 21-30 of 180 entries
5 people found this review helpful
16.1 hrs on record (13.6 hrs at review time)
เป็นเวลาเกือบจะครบห้าปีที่ Northgard ได้วางจำหน่ายกว่าที่ผมจะมีโอกาสได้ลองแตะมันเพราะตัวเกมเปิดให้ลองฟรีในเวลาจำกัดบน Steam และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามมาก็คือผมตัดสินใจที่จะซื้อมันแบบครบชุดรวมทั้ง DLCs

Northgard เป็นเกมที่ออกจะแปลกอยู่ไม่น้อย เพราะระบบในภาพรวมของเกมเป็น RTS (Real-time Strategy) แต่ความรู้สึกในตอนเล่นนั้นกลับชวนให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมกระดานหรือ 4x มากกว่า เหตุผลก็เพราะแผนที่ของเกมนั้นจะถูกตัดแบ่งออกเป็นส่วน ๆ โดยในแต่ละส่วนนั้นก็จะมอบทรัพยากรแตกต่างกันออกไป Northgard จึงเป็นเกมแนว RTS ที่เน้นไปกับการบริหารทรัพยากรที่คุณพบและมีในมือให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แทนที่จะเร่งเก็บเกี่ยวทรัพยากรเพื่อสร้างกองทัพเข้าถล่มกันแบบ RTS โดยทั่วไปที่ชาวเกมเมอร์ทั้งหลายต่างก็คุ้นเคยกัน

เพียงแค่เห็นชื่อของเกม หลายคนก็พอที่จะเดาได้ว่าโลกในฉากหลังของเกมนั้นก็จะเป็นธีมแบบไวกิ้ง โดยเรานั้นก็จะได้รับบทเป็นผู้นำเผ่าต่าง ๆ ที่มีชื่อเรียกตามสัตว์ชนิดต่าง ๆ หรืออสูรกายจากตำนานนอร์ส รูปลักษณ์ภายนอกของแต่ละเผ่าอาจจะแลดูไม่ต่างกัน (ซึ่งก็ออกจะน่าเสียดายอยู่) ทว่าแต่ละเผ่าก็จะมีจุดเด่นและสไตน์การเล่นที่แตกต่างกันออกไป

บางเผ่าก็อาจจะเน้นการทหาร บางเผ่าก็อาจจะเน้นไปที่การหาเงิน และบางเผ่าก็อาจจะมุ่งเน้นไปที่การรีดทรัพยากรมาใช้อย่างคุ้มค่าตามแบบเกมแนว 4x ตัวเกมมีเงื่อนไขการแพ้ชนะอันหลากหลาย คุณสามารถที่จะใช้ทหารเพื่อเอาชนะ ค้าขายจนชนะ วิจัยจนชนะ หรือทำเงื่อนไขพิเศษบนแผนที่จนชนะก็ยังได้ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม Northgard เป็นเกมประเภทที่ยากจะสร้างความประทับใจให้ได้ในชั่วโมงแรก ๆ ที่เล่น เพราะตัวเกมอาจจะมีระบบการเล่นที่เข้าใจไม่ยาก ทว่าตัวเกมนั้นก็มีความซับซ้อนค่อนข้างมาก และเป็นเกมประเภทที่คุณจำเป็นจะต้องวางแผนล่วงหน้าในเกือบจะทุกขั้นตอน ไม่ใช่เล่นไปตามสัญชาตญาณหรือตามเวรตามกรรม ดังนั้นคุณจึงอาจจำเป็นที่จะต้องศึกษาลึกลงไปในธรรมชาติของเกมเพื่อปรับตัวให้ชินกับมันเสียก่อน เมื่อคุณคุ้นชินกับธรรมชาติของเกมและเริ่มที่จะคิดได้อย่างเป็นระบบแล้ว Northgard ก็จัดได้เป็นอีกหนึ่งเกมที่สามารถจะทำให้คุณเสพติดได้

+ 4x แบบ Real-time ที่มีกฎอันเรียบง่ายแต่โปรยาก

+ มีหลายโหมดให้เลือกเล่น และมีหลายสิ่งสำหรับผู้เล่นใหม่ให้ได้ไล่ปลดล็อค

+/- แต่ละเผ่ามีสไตน์การเล่นอันเป็นลักษณะเฉพาะของตนที่ต่างกัน ถึงแม้หน้าตาจะแลดูไม่ต่างไปจากกันก็ตาม

(?) อาจจะเพราะตัวเกมมีความซับซ้อนค่อนข้างสูงมาก AI จึงมักที่จะตามการตัดสินใจของผู้เล่นไม่ค่อยทัน และมักจะจบตรงที่พวกมันได้แสปมยูนิตเข้าใส่คุณ ผมได้เห็นโพสต์เกี่ยวกับว่า AI ระดับความยากสูงมีการโกงทรัพยากร ซึ่งมีความเป็นไปได้มาก แต่ผมยังไม่ชำนาญเกมพอที่จะยืนยันเรื่องนี้ ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณและศึกษาก่อนที่จะเชื่อสิ่งใดที่คุณได้อ่านหรือฟัง
Posted 2 August, 2022.
Was this review helpful? Yes No Funny Award
3 people found this review helpful
74.5 hrs on record (34.0 hrs at review time)
เมื่อกล่าวถึงสามก๊ก จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ก็คือเหล่าตัวละครทั้งหลายและการชิงเหลี่ยมเฉือนคมกันระหว่างตัวละคร ดังนั้นเมื่อสามก๊กได้ถูกหยิบยกมาทำเป็นเกม ตัวเกมจึงมักจำเป็นที่จะต้องมีระบบปฏิสัมพันธ์ระหว่างเหล่าตัวละคร และ Romance of the Three Kingdoms XIII ของ KOEI ก็มีจุดขายคือเรื่องนี้

ภายในสามก๊ก 13 ผู้เล่นจะได้มีโอกาสเลือกเล่นเป็นตัวละครใดก็ได้ในวรรณกรรมสามก๊ก คุณอาจจะเลือกเล่นเป็นตัวละครหลักอย่างหลิวเป้ย์ เฉาเชา เตียวฉาน ฯลฯ หรือจะเลือกเล่นเป็นตัวละครที่ไม่สลักสำคัญที่มักจะถูกลืมนามคนใดในเรื่องก็ได้ หรือถ้าคุณต้องการสร้างตัวละครแกรี่/แมรี่ ซูขึ้นเพื่อแทนตัวเองก็ยังได้ โดยเป้าหมายหลักของเกมก็คือการสวมบทเป็นตัวละครเหล่านี้และช่วยนำพาพวกเขาไปสู่การเป็นจักรพรรดิ (หรือจักรพรรดินี)

ก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจนักถ้าคนที่ชอบซีรีย์นี้ของ KOEI ที่เคยเล่นมาทุกภาคจะเกลียดมัน เพราะเกมลดความเป็น Strategy ลงและหันไปเน้นระบบการสวมบทบาทมากขึ้น (คุณจะได้ควบคุมตัวละครเพียงหนึ่ง แต่เมื่อคุณมีตำแหน่งที่สูงขึ้นเช่นได้ขึ้นเป็นเจ้าเมือง คุณก็จะมีอำนาจสั่งการแม่ทัพขุนนางที่อยู่ใต้อำนาจของคุณด้วย) ดังนั้นถ้าคุณชอบเกมสวมบทบาทแบบ Sandbox (คล้าย ๆ กับ Crusader Kings ของค่าย Paradox) ก็เป็นไปได้มากที่คุณจะชอบเกมนี้

ระบบของเกมนั้นก็เข้าใจได้ไม่ยากสักเท่าใดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นผู้เล่นสาย Strategy อยู่แล้ว ตัวเกมจะสอนระบบเบื้องต้นให้กับคุณผ่านโหมด Heroic ที่มีเนื้อหาอ้างอิงตามวรรณกรรม ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้คุณกลับไปลงสนามจริงในโหมด Main ที่คุณจะเลือกเป็นใครก็ได้

ระบบของเกมที่เข้าถึงได้ง่ายก็ไม่ได้หมายถึงว่าตัวเกมน่าเบื่อไม่หลากหลาย เพราะระบบการเล่นของแต่ละสายมีลูกเล่นที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่นในการรบก็จะใช้ระบบ Strategy ที่ต้องควบคุมทหารเข้ารบกันแบบ Real-time ส่วนการดวลตัวต่อตัวกับการปะทะคารมก็จะใช้ระบบเหมือนกับเป่ายิ้งฉุบที่มีกฎซับซ้อนขึ้นอีกเล็กน้อย หรือในเกมการทูตนั้น ก็จะเน้นไปที่การสร้างพวกพ้องและเสียบหลังกัน เมื่อตัวละครเปลี่ยน ประสบการณ์ที่คุณได้สัมผัสก็จะเปลี่ยนไปด้วยเพราะตัวละครในเรื่องส่วนใหญ่มีลักษณะเฉพาะที่ต่างกัน (แต่ตัวละครที่ทำได้เกือบจะทุกอย่างก็มีเช่นหลิวเป้ย์หรือเฉาเชา) มันจึงเป็น Sandbox ที่คุณสามารถจะเล่นซ้ำได้มากครั้งตราบใดที่คุณไม่ใช่ผู้เล่นในกลุ่มไล่ทาสีแผนที่เพียงเพื่อชนะเพียงเท่านั้น (ถ้าคุณเป็นผู้เล่นในกลุ่มนี้ ผมแนะนำให้เลี่ยงขาดจากเกมนี้)

สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะเตือนก็คือถ้าคุณคิดจะเล่นเกมนี้ คุณควรที่จะซื้อภาคหลักพร้อมกับภาคเสริม Fame and Strategy เท่านั้น คุณไม่ควรที่จะเล่นภาคหลักโดด ๆ เพราะในภาคเสริมตัวนี้จะเพิ่มระบบสำคัญหลากหลายอย่างเข้ามาไม่ว่าจะเป็น Prestige อันเป็นระบบที่คล้ายกับ Lifestyle ของ Crusader Kings ที่ช่วยเพิ่มความสามารถพิเศษให้กับตัวละครตาม Prestige ที่เลือกและปลดล็อคได้สำเร็จ (ระบบนี้ช่วยให้คุณสามารถจะปรับแต่ง Build ของตัวละครได้อย่างหลากหลาย) อีกทั้งในภาคนี้ยังมีระบบยิบย่อยอีกเยอะแยะที่ช่วยเสริมอรรถรสในการเล่น แน่นอนว่าเหตุที่คะแนนวิจารณ์จากผู้เล่นย่ำแย่ก็เพราะราคาที่สูง ไม่ใช่คุณภาพของมันแต่อย่างใด ซึ่งถ้าคุณถามผม ผมก็เห็นด้วยกับความเห็นทั้งหลาย มันควรจะเป็นระบบที่มากับเกมตั้งแต่แรก ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะมาแยกขายในราคาเต็มที่แพงนรกอย่างนี้ อย่างไรก็ดีถ้า Bundle รวมภาคเสริมและภาคหลักลดราคาต่ำกว่า 50% ก็ยังนับได้ว่าควรค่ามากพอที่จะกดถ้าคุณรักในสามก๊ก

สรุปแล้ว สามก๊ก 13 ออกจะเป็นเกมที่แปลกแยกไปจากเกมในซีรีย์เดียวกันค่อนข้างมาก แต่ถ้าคุณกำลังมองหาเกมสวมบทบาทที่อิงวรรณกรรมประวัติศาสตร์ยอดนิยมเรื่องนี้ นี่ก็คือเกมที่คุณควรจะลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันลดราคา (ผมไม่แนะนำให้ซื้อในราคาเต็ม ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลที่ดีเพียงใดก็ตาม)
Posted 5 May, 2022.
Was this review helpful? Yes No Funny Award
8 people found this review helpful
1 person found this review funny
11.4 hrs on record (8.0 hrs at review time)
ลอนดอนปี 2075,
เทคโนโลยีของมนุษยชาติก้าวล้ำถึงขนาดสามารถที่จะคิดค้นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถจะคำนวณและหยุดยั้งเหตุอาชญากรรมได้สำเร็จก่อนที่จะเกิด ถึงกระนั้นเราก็ยังคงไม่อาจที่จะหาทางหยุดยั้งเหตุการณ์ที่เลี่ยงมิได้บางอย่างอยู่ดี มนุษย์จึงได้ตัดสินใจที่จะสร้างปัญญาประดิษฐ์นามว่า เชอร์ล็อค (Sherlock) ขึ้นตามนามของนักสืบในนิยายผู้โด่งดังเพื่อรับมือและแก้ไขเหตุที่ยากจะเลี่ยงได้เหล่านี้โดยเฉพาะ

แต่หลังจากที่ได้ศึกษาเหตุการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้เหล่านั้นจนกระจ่าง เชอร์ล็อคก็พบข้อเท็จจริงอันน่าสะพรึงประการหนึ่งที่ว่าเบื้องหลังคดีเหล่านั้น มี AI สุดโฉดที่เรียกว่ามอริอาตี้ (Moriarty) คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง และก็เป็นหน้าที่ของคุณเหล่านักสืบที่จะต้องร่วมมือกับเชอร์ล็อคเพื่อหยุดมัน (หรือในกรณีที่คุณอยู่ฝ่ายมอริอาตี้ คุณก็จำเป็นที่จะต้องหาหนทางเพื่อเอาชนะเชอร์ล็อคให้จงได้)

CRIMESIGHT เป็นเกมแบบ Social Deduction ที่ผู้เล่นจะถูกแบ่งออกเป็นฝ่ายเชอร์ล็อคและมอริอาตี้ (จะมี Irene เพิ่มเข้ามาเพื่อร่วมสร้างความปั่นป่วนในกรณีเป็นโหมด 2v2) ตัวเกมจะเล่นเป็น Turn โดยฝ่ายเชอร์ล็อคก็มีหน้าที่ในการระบุตัวฆาตกรและเป้าหมายให้ได้เพื่อหาหนทางช่วยเป้าหมายให้มีชีวิตรอดจนจบเกม ส่วนฝ่ายมอริอาตี้ก็จำเป็นที่จะต้องวางแผนหาทางที่จะสนับสนุนฆาตกรให้สังหารเหยื่อให้จงได้

เหล่าตัวละครในเกมจะถูกเรียกว่า “ตัวหมาก” (Pawn) ที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายสามารถที่จะควบคุมได้เพื่อสำรวจรอบ ๆ คฤหาสน์ จะมีก็เพียงแค่เหยื่อที่เป็นตัวหมากตัวเดียวในเกมที่ผู้เล่นฝ่ายมอริอาตี้ไม่อาจจะควบคุมได้ โดยเมื่อใดก็ตามที่มอริอาตี้ได้ขยับหมากตัวเดียวกับเชอร์ล็อค ผู้เล่นฝ่ายเชอร์ล็อคจึงสามารถที่จะบอกได้ว่าหมากตัวนั้นไม่ใช่เหยื่อ ผู้เล่นฝ่ายเชอร์ล็อคจำเป็นที่จะต้องใช้ความสามารถในการวิเคราะห์ ตัดความเป็นไปไม่ได้ออกไปเพื่อจะหาตัวฆาตกร ซึ่งเมื่อเกมดำเนินไป เชอร์ล็อคก็จะช่วยสนับสนุนคุณโดยช่วยตัดตัวเลือกที่เป็นไปไม่ได้ให้ ตัวเกมจึงเน้นการใช้สมองเพื่อหักเหลี่ยมเฉือนคมกันระหว่างผู้เล่นสองฝ่าย

สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกมก็คือระบบการเล่นบังคับให้ตัวหมากต้องเดินออกสำรวจเพื่อหาอาวุธป้องกันตัวและอาหาร แน่นอนว่าตัวละครไม่อาจที่จะอดตายได้ แต่ความหิวจะทำให้ตัวละครเคลื่อนที่ได้สั้นลงในแต่ละ Turn อาหารจึงจำเป็นมากสำหรับตัวหมากที่เป็นเป้าหมายและฆาตกร เพราะเป้าหมายจำเป็นจะต้องมีความคล่องตัวเพื่อหนี ส่วนฆาตกรก็ต้องการความคล่องตัวเพื่อไล่ล่า และเมื่อเกมดำเนินไป ก็จะมีอุปสรรคมากมายเช่นก๊าซพิษหรือสุนัขเร่ร่อนที่โผล่มาสร้างปัญหาให้กับตัวหมากและจำเป็นจะต้องใช้ไอเท็มจากการสำรวจเพื่อเอาชนะหรือแก้ไข

ในเมื่อตัวเกมเป็น Social Deduction การสื่อสารระหว่างผู้เล่นจึงสำคัญมาก ตัวเกมจะใช้อิโมจิเพื่อสื่อสารระหว่างกัน ฝ่ายนักสืบจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อระบุบทบาทของตัวหมาก ในขณะที่ฝ่ายมอริอาตี้ก็สามารถที่จะใช้การสื่อสารเพื่อปั่นให้เกิดความวุ่นวาย ระบบอิโมจิในเกมมีประสิทธิภาพมากถ้าคุณใช้งานเป็น แต่เกมจะสนุกขึ้นเยอะมากถ้าคุณสามารถสื่อสารกับเพื่อนได้ผ่านไมค์โดยอาศัย Steam หรือ Discord

ในภาพรวม CRIMESIGHT เป็นเกมที่ส่วนตัวผมรู้สึก “ประทับใจเอามาก ๆ” และ “แนะนำเป็นอย่างยิ่ง” มันเป็นอีกเกมหนึ่งที่เหมาะมาก ๆ จริง ๆ จะใช้นั่งรวมกลุ่มเล่นกันในหมู่เพื่อน
Posted 15 April, 2022.
Was this review helpful? Yes No Funny Award
14 people found this review helpful
3.7 hrs on record
ถึงแม้ตัวผมเองจะเป็นชาวเลิฟคราฟท์เธียน แต่ในคราแรกผมก็ไม่ได้คิดสนใจในเกม Sucker for Love มากนัก เพราะผมเคยคาดว่ามันจะเป็นเกมสุดโม่ยที่ทำมาขำ ๆ จนกระทั่งในวันหนึ่งมิตรสหายท่านหนึ่งก็ได้ชักชวนผมไป Live Stream ด้วยกัน และผมก็พบว่าตัวเกมนั้นมีความน่าสนใจกว่าที่ผมเคยคิดเอาไว้มากนักจึงได้ตัดสินใจที่จะกดเกมนี้มา

เรื่องเล่าในเกมนั้นก็ได้กล่าวถึงพ่อหนุ่มหน้าใสรายหนึ่งที่เกิดนึกคึกอยากที่จะอัญเชิญเทพีจากต่างโลกที่มีอิทธิฤทธิ์มากพอจะล้างโลกมา โดยเป้าหมายสูงสุดของไอ้หนุ่มรายนี้ก็มิใช่อื่นใดนอกไปจากความปรารถนาที่จะได้จูบเทพีสุดสยองเพื่อให้สูญ Sanity สักครา

อ่านดูเนื้อหาแบบผ่าน ๆ ก็ชวนให้รู้สึกว่ามันเป็นเกมที่โม่ยชะมัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณจ้อง Screenshot ให้ดีและพบว่าเทพีสาวที่ปรากฏในเกมก็คือสาวน้อยผมชมพูหนวดงามที่ชวนให้ระลึกถึงเทพผู้โด่งดังอันมีนามว่าคธูลู แต่ตัวเกมนั้นก็มิได้มีเพียงแค่มุขขำขันเลอะเทอะ เพราะตัวเกมนั้นแอบซ่อนฉากบูชายัญสุดเถื่อนและ Easter Eggs ที่น่าสนใจเกี่ยวกับตำนานคธูลูเอาไว้มากมาย ผมเชื่อว่าชาวเลิฟคราฟท์เธียนที่เคยได้มีโอกาสอ่านผลงานของคุณเลิฟคราฟท์และสหายของเขามาบ้างก็น่าจะถูกใจใน Easter Eggs ทั้งหลายที่คุณจะได้พบในเกม

แน่นอนว่าเนื้อหาของเกมนั้นได้ถูกเล่าให้กับเราได้ฟังในรูปแบบของ Visual Novel ที่มีเสียงบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นถ้าคุณมีทักษะด้านภาษาไม่สู้จะแข็งแรงสักเท่าใดนัก ผมก็ไม่แนะนำเกมนี้ โดยในส่วนของการเล่นนั้น ตัวเกมก็จะเป็น Point & Click ที่คุณจะมีโอกาสได้ลงมือร่ายคาถาและประกอบพิธีกรรมชวนสูญ Sanity ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งการตัดสินใจกระทำหรือไม่กระทำสิ่งใดก็สามารถที่จะส่งผลต่อฉากจบของเกมที่คุณจะได้พบในตอนท้ายด้วย

ในขณะที่คุณกำลังได้อ่านความเห็นนี้อยู่ ตัวเกมก็มีเทพีสามรายให้ได้จูบกัน รายแรกก็คือแม่สาวหนวดงาม L’neta ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับคธูลูผู้โด่งดัง (และเป็นสาวยันที่สามารถจะพาคุณล่องเรือสวยไปด้วยกัน) รายที่สองก็คือคุณน้อง Missy ในชุดเหลืองผู้ที่เป็นเหมือนกับตัวแทนของราชาในผ้าเหลือง (ที่สามารถจะพาคุณสูญ Sanity ไปกับความซึนของนาง) และรายที่สามก็คือเทพีอันเป็นที่รักของทุกท่านอย่างคุณป้าเนียร์ลาโธเทปผู้มีหูแมว (ที่สามารถจะทำให้คุณหัวร้อนไปกับความพยายามดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดจากนาง) ผมไม่แน่ใจนักว่าตัวเกมจะจบเพียงแค่นี้หรือไม่ แต่ผมจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าทีมพัฒนาจะทำบทต่อไปเป็น DLCs (และผมก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะจ่าย)

ถ้าคุณเป็นชาวเลิฟคราฟท์เธียน ผมก็อยากที่จะแนะนำให้คุณลองที่จะอ่านเกมนี้ดู เพราะเป็นไปได้มากที่คุณจะสนุกกับมัน

ปล. ถ้าคุณเป็นชาวเลิฟคราฟท์เธียนที่ชอบความเห็นนี้ ก็เป็นไปได้มากที่คุณจะชอบเพจนี้
เรื่องเล่าจากข้างใต้ผืนฟ้าที่ไร้แสง [www.facebook.com]
Posted 6 February, 2022.
Was this review helpful? Yes No Funny Award
7 people found this review helpful
92.6 hrs on record (10.4 hrs at review time)
เมื่อเอ่ยถึง Dungeon Crawler ดี ๆ Mary Skelter ก็คือหนึ่งในซีรีย์อันดับแรก ๆ ที่ผมอยากจะแนะนำ ก็ใช่ที่ว่าตัวเกมนั้นเป็นอนิเมะที่เน้นเซอร์วิสค่อนข้างหนักตามแบบฉบับของ Idea Factory แต่ในส่วนของ Gameplay และ Story มี Dungeon Crawler น้อยเกมจริง ๆ ที่ผมรู้สึกถูกจริตได้มากถึงขนาดนี้

จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ Mary Skelter 2 ก็คือเนื้อหาซึ่งเกี่ยวข้องกับนครโตเกียวที่จมลงไปใต้ดินแดนใต้พิภพที่เรียกว่า Jail (คุก) โดยดินแดนใต้พิภพแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยอสูรกายน่าเกลียดน่ากลัวที่เรียกว่า Marchens ที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจที่จะต่อกรได้ เดชะบุญที่มีเด็กสาวกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า Blood Maidens ปรากฏกายขึ้น พวกเธอเป็นเหมือนกับเหล่าตัวละครในนิทานก่อนนอน (อลิซ, หนูน้อยหมวกแดง, เจ้าหญิงนิทรา ฯลฯ) ฉบับแอบจิตที่สามารถตบตีและละเวงเลือดของพวก Marchens ได้ เธอก็คือความหวังที่จะช่วยพาเหล่ามนุษย์ที่เหลือรอดปีนกลับขึ้นไปสู่ผิวดินอีกครั้ง

อ่านดูผ่าน ๆ ก็ไม่น่าจะมีจุดใดของเนื้อหาที่ฟังดูโดดเด่น ที่สิ่งที่เยี่ยมยอดเกี่ยวกับ Mary Skelter ก็คือเนื้อหาอันชวนปวดตับ โดยเฉพาะถ้าคุณพอที่จะรู้เรื่องราวของนิทานอันเป็นต้นฉบับของเหล่าตัวละครในเกมและได้มีโอกาสเล่นภาคแรกมาก่อน คุณก็อาจจะรู้สึกเจ็บในอกกับหลายสิ่งที่คุณพบในภาค 2 นี้ (ตัวเกมเวอร์ชั่นนี้มีแถมภาคแรกฉบับปรับปรุงมาให้ด้วยเป็น DLC ผมแนะนำให้คุณเล่นภาค 2 ให้จบก่อนแล้วค่อยย้อนกลับไปเล่นภาคแรกที่เป็น DLCs แต่เหตุผลที่คุณควรจะทำเช่นนั้น ผมคงจะบอกให้ทุกท่านทราบไม่ได้เพราะนั่นจะเป็นการ Spoil ไป)

ในส่วนของ Gameplay ก็ยังเป็นระบบแบบ Dungeon Crawler แบบมุมมองบุคคลที่หนึ่งโดยทั่วไป แต่สิ่งที่ต่างออกไปก็คือเหล่าสาว ๆ ในเรื่องจะมีความสามารถพิเศษที่คุณสามารถจะใช้เพื่อไขปริศนาที่ซ่อนอยู่ในฉาก อีกทั้งสาว ๆ แต่ละคนก็ยังสามารถที่จะเปลี่ยนคลาสเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และนำทักษะแต่ละคลาสมาผสมกันได้ ในช่วงแรกของเกมอาจจะยากอยู่สักหน่อย แต่คุณก็สามารถที่จะ Grind ได้วนไปแทบจะไร้ขีดจำกัดจนสาว ๆ สามารถที่จะฟาดทุกอย่างตายได้ในดาบเดียว (ก็เหมือน Dungeon Crawler โดยทั่วไปนั่นแหละ ตัวเกม Grind หนักมาก ดังนั้นถ้าคุณไม่ชอบที่จะทำอะไรซ้ำ ๆ คุณก็ควรเลี่ยง)

มีสิ่งหนึ่งที่ควรจะกล่าวถึงเกี่ยวกับตัวเกมก็คือในช่วงแรกนั้นตัวเกมมีดราม่าเพราะทางผู้จัดจำหน่ายได้เซนเซอร์มินิเกมที่เป็นเซอร์วิส ดังนั้นคุณจึงอาจจะพบผู้เล่นที่ซื้อเกมมาเพื่อให้คะแนนลบและรีฟันด้วยเหตุผลนี้ แต่ขณะที่คุณกำลังอ่านความเห็นนี้ ทางผู้จัดจำหน่ายก็ตัดสินใจที่จะใส่มินิเกมกลับมาให้แล้ว ทว่าคุณอาจจำเป็นที่จะต้องไปหาไฟล์เพิ่มเอาเองที่หน้า Blog ของผู้จัดจำหน่ายหรือตามฟอรั่มทั่วไปที่เกี่ยวกับเกมนี้ (อยากที่จะแปะลิงก์ให้ แต่ผู้เขียนเพิ่งจะถูกแบนไปเมื่อไม่นานมานี้เพราะแปะลิงก์ ดังนั้นผู้เขียนจึงขออภัยที่แปะลิงก์ทิ้งเอาไว้ให้ไม่ได้) แต่ถึงแม้คุณจะไม่ได้ลงไฟล์แก้ไข มินิเกมที่ถูกแบนออกไปก็ไม่ได้น่าสนใจมากมายหรือสำคัญอะไร (เป็นมินิเกมแบบเซอร์วิสที่กดครั้งเดียวและคุณก็ไม่คิดอยากที่จะเล่นมันอีกต่อไปทำนองนั้น)

สรุปแล้ว Mary Skelter 2 ก็คือเกมที่ผมแนะนำถ้าคุณเป็นผู้ที่ชอบเกมแนว Dungeon Crawler สายเสพเนื้อหาและไม่มีปัญหากับเซอร์วิสหรือจุดหักมุมสุดปวดตับ การผจญภัยในคุกใต้พิภพคงจะเป็นหนึ่งในการผจญภัยที่ยากจะลืมได้ลงเลยทีเดียวสำหรับคุณ (ในหลาย ๆ ความหมาย)
Posted 31 January, 2022.
Was this review helpful? Yes No Funny Award
7 people found this review helpful
13.3 hrs on record (7.7 hrs at review time)
ในคราแรกเลยผมไม่ได้ตั้งหวังอะไรกับ WE ARE FOOTBALL (WAF) มากนักตอนที่ซื้อ แต่เหตุที่ผมซื้อก็เพราะตัวผมเองเป็นคอบอลแบบเข้าเส้นที่รักจะลองเกมลูกหนังเกือบจะทุกเกมที่มีให้จับ ดังนั้นผมจึงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้พบภายในเกมนี้

ถ้ามองเพียงผ่าน WAF อาจจะแลดูเหมือนกับ FM ราคาถูกหรืออะไรทำนองนั้น แต่โดยเนื้อแท้แล้วทั้งสองเกมต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะในขณะที่ FM จะมีระบบการเล่นเน้นไปที่งานในส่วนของ Head Coach ทว่า WAF จะเน้นไปที่งานของ Manager มากกว่า หรือถ้าจะว่าตัวเกมเป็น Management Simulation เลยก็ใช่ เพราะสิ่งที่คุณจะมีโอกาสได้ทำจะไม่ได้มีเพียงแค่ซื้อขายนักเตะหรือจัดผู้เล่นลง Line-up แต่คุณจะได้รับโอกาสเล่นบทบาทผู้จัดการด้วยการพัฒนาตัวเอง พัฒนาศูนย์ฝึก พัฒนาสโมสร และยังรวมไปถึงงานบริหารและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรด้วย (แต่งานใดก็ตามที่คุณไม่ต้องการจะทำ คุณก็สามารถที่จะปรับเป็น Auto เพื่อให้ AI ทำงานแทนคุณได้)

สิ่งที่ผมรู้สึกน่าสนใจมาก ๆ ประการหนึ่งเกี่ยวกับเกมก็คือตัวนักเตะในเกมนี้ไม่ได้มี Attributes ยิบย่อยเยอะแยะเหมือนกับ FM แต่ตัวเกมจะใช้ระบบบุคลิก Level พรสวรรค์ จุดเด่นและจุดด้อยแทน โดยเมื่อเริ่มเกม นักเตะแต่ละคนก็จะมี Level เริ่มต้นที่ต่างกัน โดย Level ในเกมก็จะอยู่ในช่วงระหว่าง 1-15 และก็มีจุดเด่นและจุดด้อยติดตัวมา ในบทบาทของผู้จัดการทีม คุณสามารถที่จะพัฒนานักเตะได้ด้วยการฝึกซ้อมและส่งลงสนามเพื่อเก็บค่าประสบการณ์ ยิ่งนักเตะมีค่าพรสวรรค์สูง นักเตะก็สามารถที่จะกลบจุดด้อยและเพิ่มจุดแข็งได้ไวมากขึ้นตามค่าพรสวรรค์ ที่สำคัญคือนักเตะแต่ละคนจะมี Skill Trees ที่แตกต่างกัน คุณจึงสามารถที่จะปลุกปั้นเด็ก ๆ ของคุณได้ตามใจต้องการ โดยเด็ก ๆ ของคุณจะเก่งขึ้นได้มากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับผัง Skill Trees ของแต่ละคนคล้ายกับเกม RPG (ตัวคุณเองที่เป็นผู้จัดการทีมก็มี Skill Trees เป็นของตัวเองเหมือนกัน)

สำหรับตัวเกมแทนที่จะเล่นเป็นชั่วโมงต่อชั่วโมงแบบ FM ตัวเกมก็จะใช้ระบบการวางแผนรายสัปดาห์แทน โดยเมื่อสัปดาห์เริ่มต้นขึ้น คุณก็จำเป็นที่จะต้องวางแผนการซ้อมและตารางงานของคุณให้พร้อม หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เกมดำเนินไป แต่ถ้ามีเหตุการณ์สำคัญใด ๆ เกิดขึ้น เช่นการเจรจาซื้อขาย ตัวเกมก็จะหยุดและให้คุณจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ ในช่วงแรกที่เล่นคุณอาจจะรู้สึกมึนงงเพราะมีข้อมูลบนหน้าจอเยอะแยะเต็มไปหมด แต่พอลองเล่นแบบฝึกสอนและลองจับนู่นจับนี่ไปสักชั่วโมง คนส่วนใหญ่ที่อ่านภาษาอังกฤษได้ออกและมีความอดทนพอก็คงสามารถที่จะเข้าถึงเกมได้ไม่ยาก

ส่วนระบบแทคติกและการแข่งขัน ตัวเกมนั้นออกจะให้อารมณ์คล้ายกับ CM ภาคแรก ๆ มากกว่าเพราะไม่มี 3D Match ให้ชม กระนั้นตัวเกมก็สามารถที่จะแสดงการเคลื่อนที่ของบอลและนักเตะที่ครองบอลอยู่ให้กับคุณเห็นได้ในจังหวะสำคัญ ดังนั้นถ้าคุณหวังว่าจะได้ชมการแข่งขันอันดุเดือด คุณก็คงจะผิดหวัง

แน่นอนว่าในส่วน Database นั้น WAF ไม่ได้มีฐานข้อมูลของนักเตะและสโมสรที่สมจริงเหมือนกับ FM ตัวนักเตะ แต่คุณก็สามารถที่จะ MOD เกมได้ถ้าต้องการ

ถ้าถามถึงอารมณ์ตอนที่เล่น ผมรู้สึกเหมือนว่า WAF นั้นจะให้อารมณ์ที่คล้ายกับ FIFA Manager ของ EA (ที่หยุดทำภาคต่อไปแล้วหลายปี) มากกว่า FM โดยตัวเกมนั้นจะให้อารมณ์แบบเข้าถึงง่ายมากกว่าแต่ก็ยากที่จะโปร ผมเชื่อว่าต่อให้คุณจะติดตามฟุตบอลแค่เพียงผ่าน แต่ถ้าคุณเป็นคอเกมแนวบริหาร คุณก็น่าจะยังคงเล่นได้อย่างสนุกถ้าคุณมีความรู้เกี่ยวกับฟุตบอลติดหัวอยู่บ้าง

ในภาพรวมแล้ว WAF ออกจะเป็นเกมที่แตกต่างไปจาก FM อยู่มากพอสมควร หรือจะว่าเป็นเกมคนละแนวเลยก็คงจะใช่ เพราะสิ่งเดียวที่ทั้งสองเกมมีเหมือนกันก็คือเป็นเกมเกี่ยวกับฟุตบอลเพียงเท่านั้น เกมนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคอบอลที่ชอบเกมแนว Management Simulation และอยากที่จะลองเปลี่ยนบรรยากาศจากงาน Head Coach ของ FM ดูบ้าง
Posted 28 January, 2022.
Was this review helpful? Yes No Funny Award
6 people found this review helpful
66.5 hrs on record (23.2 hrs at review time)
“Romance of The Three Kingdoms” ของ Koei นับได้เป็นหนึ่งในซีรีย์อันเป็นตำนานของวงการเกมหนึ่ง เพราะเกมซีรีย์นี้มีอายุยาวนานถึงกว่าสามทศวรรษแล้ว (ภาคแรกวางขายปลายปี 1985) และเกมเมอร์หลายท่านก็คงจะเคยหยิบจับกันมาตั้งแต่ยังเด็กยันโต ตัวผมเองก็เช่นกัน

เสน่ห์อันยอดเยี่ยมประการหนึ่งที่มีมาแต่เดิมของซีรีย์นี้ก็คือการที่ตัวเกมเน้นในเรื่องปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ในภาคก่อน ๆ ผู้เล่นมักที่จะมีโอกาสได้ควบคุมตัวละครต่าง ๆ อย่างลงลึกไม่ว่าจะเป็นการเลือกคู่ ทำภารกิจ ผูกมิตร สะสมคน ก่อสงครามทั้งด้วยการศึกและน้ำลาย ซึ่งในภาค 14 นี้รายละเอียดการสวมบทบาทเหล่านี้ได้ถูกตัดออกไปหมด เพราะเกมได้เลือกที่จะปรับตัวไปเป็น Grand Strategy มากขึ้นและตัวเกมก็ได้เลือกที่จะบอกเล่าเรื่องผ่านมุมมองแบบกว้าง ๆ ของเหล่าขุนพลและผู้นำก๊กต่าง ๆ แทน

ผมเข้าใจดีว่าเพราะเหตุใดแฟนซีรีย์ถึงไม่ชอบในความเปลี่ยนแปลงนี้ (เพราะผมก็เป็นแฟนซีรีย์นี้ที่เล่นมาตั้งแต่ MS-DOS) แต่ถ้าคุณถามความเห็นของผม ผมมองว่าตัวเกมไม่ได้แย่ลงเสียทีเดียว มันแค่เปลี่ยนไป “เป็นคนละเกม” เลยเสียมากกว่า แฟนซีรีย์ที่มีอยู่เดิมจึงไม่ชอบมันนัก ในขณะที่ผู้เล่นหลายคนซึ่งคุ้นชินกับ Grand Strategy ทางฝั่งตะวันตกมากกว่ากลับรู้สึกถูกจริตกับมัน ซึ่งในเมื่อผมเป็นสาย Grand Strategy ผมจึงเป็นผู้เล่นในกลุ่มหลังที่ไม่ได้รังเกียจความเปลี่ยนแปลงนี้สักเท่าไหร่

ถ้าให้เล่าถึงระบบการเล่นของภาค 14 อย่างกว้าง ๆ ตัวเกมนั้นก็มิได้เลือกที่จะเล่นกับตัวละครอีกแล้ว แต่ตัวเกมจะเน้นไปเล่นบทของพวกขุนพล ส่วนเหล่าแม่ทัพ กุนซือและขุนนางก็เป็นเพียงแค่ตัวหมาก ดังนั้นแทนที่เราจะได้ใช้เวลาหมดไปกับการปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครต่าง ๆ ในภาคนี้เราก็จะได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บน World Map เพื่อจัดการงานต่าง ๆ และนั่งทาสีแผนที่ให้กลายไปเป็นสีธงของทัพเราแทน

ในฐานะของขุนพลหรือผู้นำก๊ก สิ่งที่คุณจะได้ทำก็คือการเลือกใช้คนไปทำงาน คุณไม่มีโอกาสที่จะได้ลงไปกำกับงานเหล่านั้นด้วยตัวเองอีกแล้ว ทุกอย่างจะดำเนินไปแบบอัตโนมัติ โดยผลลัพธ์ที่เกิดก็จะขึ้นอยู่กับค่าพลัง ทักษะ นิสัยใจคอและลักษณะเฉพาะของตัวละครที่คุณได้สั่งงานไป (ถ้านึกภาพไม่ออก ผมก็ขอให้คุณจินตนาการว่าคุณนั่งหล่อ ๆ สวย ๆ อยู่กับโต๊ะประจำตำแหน่งและชี้นิ้วสั่งข้าทาสบริวารให้ไปทำงานเอาก็ได้ อารมณ์ประมาณนั้น)

ส่วนในการรบนั้นก็จัดได้ว่าเปลี่ยนไปมาก เพราะตัวเกมจะไม่มีแยกจำพวกทหารว่าเป็นพลเดินเท้า พลธนูหรือทหารม้า ทว่ากำลังรบของคุณจะเป็นกำลังผสมที่มีความสามารถการรบขึ้นอยู่กับแม่ทัพและแผนการรบที่ใช้ แม่ทัพแต่ละคนในเกมจะมีแผนการรบที่รู้จักและใช้ได้ต่างกัน

แผนการรบบางอันช่วยเพิ่มพลังป้องกันให้ทหาร บางแผนช่วยเพิ่มการเคลื่อนที่เหมือนม้าเร็วเพื่ออ้อมหลังหรือตัดเสบียง บางแผนก็เพื่อใช้ตีเมือง และบางแผนก็เน้นเพื่อเพิ่มโอกาสที่แม่ทัพจะใช้ทักษะพิเศษของตนออกมา คุณในฐานะกุนซือการรบจำเป็นที่จะต้องกำหนดแผนการรบให้เสร็จตั้งแต่ก่อนเคลื่อนทัพออกจากเมืองรวมไปถึงกำหนดเส้นทางการเดินทัพ หลังจากนั้นกองทหารของคุณก็จะเดินทัพและรบไปตามอัตโนมัติ (แม้แต่การดวลก็มีโอกาสเกิดขึ้นอัตโนมัติเช่นกัน โอกาสขึ้นอยู่กับแผนการรบและอุปนิสัยของแม่ทัพ)

การที่ทุกอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติอาจจะฟังดูโง่ ๆ แต่ในทางกลับกัน ระบบนี้ก็บีบบังคับให้คุณต้องวางแผนให้ถี่ถ้วนมากขึ้นและพึ่งพาการแก้ไขเฉพาะหน้าน้อยลง การรบในภาค 14 จึงให้อารมณ์เหมือนกับกุนซือที่คอยสั่งการอยู่กับเมืองหรือค่ายทหารและทำได้เพียงแค่รอลุ้นผลลัพธ์อยู่ไม่น้อย ยิ่งคุณรอบคอบและละเอียดมาก ผลลัพธ์ที่เกิดก็ยิ่งทำให้คุณรู้สึกพอใจได้มาก อีกทั้งระบบนี้ยังทำให้การตัดสินใจเลือกใช้คนยิ่งมีผลกับการรบมากขึ้น (เหมือนยังในนวนิยายต้นฉบับ ที่การเลือกใช้คนสามารถที่จะตัดสินผลได้เลยว่าจะปังหรือจะพัง) แต่สำหรับสายสั่งการแบบเกาะติดแนวหน้าและต้องการให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม ผมไม่คิดว่าคุณจะชอบใจในระบบนี้นัก

เสบียงและเส้นทางการลำเลียงกลายเป็นอีกสิ่งที่สำคัญมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในระบบใหม่ เพราะในเมื่อคุณควบคุมทุกปัจจัยในการรบไม่ได้ คุณก็จำเป็นที่จะต้องรอบคอบมากขึ้นในการรุกไล่หรือเดินทัพ เพราะเป็นไปได้ว่าในขณะที่คุณดาหน้าขึ้นเพื่อตีเมือง อีกฝ่ายสามารถที่จะใช้แม่ทัพและม้าเร็วแค่หยิบมือวิ่งอ้อมหลังตัดเส้นทางลำเลียงและเผาเสบียงของคุณ และทหารเรือนแสนของคุณก็จะระเหยเหมือนกับทหารของอ้วนเสี้ยวในศึกกัวต๋อ

นอกจากสิ่งเด่น ๆ ที่กล่าวไป ก็ยังมีหลายจุดที่เปลี่ยนไปยกตัวอย่างก็เช่นเมืองจะรายล้อมไปด้วยเมืองเล็ก ๆ เหมือนในวรรณกรรมที่ป้องกันตัวเองไม่ได้ แต่คุณก็ยังคงส่งบริวารไปช่วยดูแลพัฒนาเพื่อทรัพยากรได้ และถ้าเมืองโดยรอบถูกข้าศึกยึดจนหมด เมืองใหญ่ก็จะล้มไปด้วยเหมือนกับเกมหมากล้อม การอ่านเกมล่วงหน้าให้ขาดจึงสำคัญมากในการล้อมเมืองทั้งตอนที่คุณรับและรุก

ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวไป สามก๊กในภาค 14 นี้จึงเป็น “คนละเกม” กับภาคก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง ถ้าคุณต้องการจะเล่นเกมที่คล้ายกับภาคแรก ๆ จนถึง 11 ผมก็ไม่แนะนำเกมนี้ให้กับคุณ แต่ถ้าคุณไม่มีปัญหาที่จะจับ Grand Strategy ที่เป็นธีมสามก๊กและไม่ยึดติดกับภาคก่อน ๆ มากนัก ผมก็คิดว่าคุณจะโอเคกับภาคนี้

อย่างไรก็ดี ตัวเกมแพงมาก และถึงแม้ผมจะเล่นมันอย่างสนุกและชอบมัน ผมก็คิดว่ามันแพงเกินค่าตัวไปมาก (มากแบบมาก ๆ และราคาก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกลังเลมากว่าควรจะแนะนำมันดีหรือไม่) ผมจึงแนะนำว่าคุณควรที่จะรักวรรณกรรมเรื่องสามก๊กจริง ๆ เพื่อซื้อมัน และผมแนะนำว่าคุณควรซื้อแพ็คที่มีภาคเสริม Diplomacy & Strategy ด้วย เพราะภาคเสริมตัวนี้จะช่วยเพิ่มลูกเล่นหลายสิ่งที่น่าสนใจเข้ามาทั้งด้านการทหารและการทูต (เป็นอีกเรื่องที่ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย เพราะลูกเล่นเหล่านี้ควรจะมีมาพร้อมกับเกมหลักไม่ใช่ในภาคเสริม)

แน่นอนว่าคุณควรจะซื้อก็แต่เฉพาะเมื่อมันลดราคาเท่านั้น
Posted 28 November, 2021.
Was this review helpful? Yes No Funny Award
17 people found this review helpful
220.4 hrs on record (10.8 hrs at review time)
“Super Robot Wars” เป็นหนึ่งในเกมซีรีย์ที่มีภาคต่อเยอะและมีอายุยาวนานมากที่สุดเกมหนึ่ง ซึ่งถ้านับถึง ณ ตอนนี้ก็เป็นเวลาครบรอบ 30 ปีพอดีและ SRW30 นี้ก็คือภาคฉลองครบรอบ 30 ปีของเกมนี้

ด้วยชื่อของเกมเราคงไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายกันให้มากความนักเพราะคงจะมีเกมเมอร์น้อยท่านที่ไม่รู้จักต่อให้จะไม่เคยเล่นก็ตาม หรือถ้าไม่ เราก็ขออธิบายแบบย่อว่าตัวเกมนั้นก็ซีรีย์ที่ได้หยิบยกเอาหุ่นรบอันโด่งดังในตำนานของฝั่งญี่ปุ่นมายัดรวมไว้ในเกมเดียวกัน โดยระบบการเล่นของเกมก็จะเป็น Turn-based จุดขายหลักของซีรีย์ก็คือการที่เราจะได้เห็นเหล่าหุ่นรบและตัวละครที่เรารักทั้งเก่าและใหม่จากหลายเรื่องมาตะโกนแหกปากปล่อยพลังและสาดกระสุนใส่กัน

โดยปกติแล้วระบบการเล่นของ SRW นั้นก็มักที่จะเหมือน ๆ กันทุกภาค SRW30 ก็ยังมีระบบการเล่นโดยรวมไม่ต่างไปจากภาคอื่น ๆ แต่ก็มีระบบยิบย่อยหลายอย่างที่เปลี่ยนไปที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เล่นได้เป็นอย่างมากและควรค่าอย่างยิ่งที่จะกล่าวถึง (หลัก ๆ แล้วเราจะเทียบกับภาค V และ X อันเป็นสองภาคที่ลง PC อย่างเป็นทางการและคุณผู้อ่านหลายท่านน่าจะเคยได้เล่นเพราะน่าจะง่ายต่อการเข้าใจและเปรียบเทียบ)

สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปใน SRW30 ก็คือภารกิจจะไม่ได้ดำเนินเป็นเส้นตรงจากจุด A ไป B และมีการแบ่ง Routes แยก แต่ตัวเกมจะใช้ระบบ World Map ที่เราสามารถจะเลือกทำภารกิจใดก่อนหรือหลังก็ได้ โดยตัวเกมก็จะมีภารกิจหลักที่ทำให้เนื้อเรื่องเคลื่อนไปข้างหน้าและภารกิจรองที่มักจะเป็นเนื้อหาที่เป็นของตัวละครจากซีรีย์ต่าง ๆ คุณจึงสามารถที่จะพายานแม่ของคุณบินไปหาหุ่นที่คุณรักได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องรอฟันฝ่าผ่านภารกิจมากมายให้รำคาญอีกต่อไปกว่าจะได้พบ

ในด้านของคุณภาพชีวิต SRW30 นอกจากจะมี Tutorials ที่ง่ายต่อการเข้าถึงและละเอียดมาก ๆ แล้ว (ถ้าคุณยอมสละเวลาอ่านสักหน่อย ก็แทบจะไม่เหลือข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับระบบการเล่นที่จะต้องนั่งสังเกตเอาเองเหมือนภาคก่อน ๆ) เกือบจะทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น Skills, Seishin หรือความสามารถพิเศษของหุ่นรบก็มีอธิบายครบหมดแบบบอกเป็นโบนัสหรือ % เสร็จสรรพ มือใหม่จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปนั่งขุดหาข้อมูลและมือเก่าก็แทบจะไม่ต้องเถียงกันว่า Skills นั้น Skills นี้เพิ่มโบนัสอะไรบ้างและเท่าไหร่

นอกจากนี้ในระหว่างการต่อสู้ นอกจาก UI จะแลดูสะอาดและงามตาขึ้นมาก ข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการคำนวณยังบอกไว้ครบถ้วนเสร็จสรรพ อีกทั้งตัวเกมยังคำนวณให้เสร็จสรรพด้วยว่าถ้าคุณใช้การโจมตีชนิดนั้น ๆ จะสามารถ Shot Down ศัตรูได้หรือไม่โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องมานั่งคิดด้วยตัวเองแล้ว (แน่นอนว่าถ้าตัวละครของคุณมีโอกาสจะโดน Shot Down เกมก็จะเตือนให้คุณรู้ด้วยเช่นกัน มีประโยชน์เอามาก ๆ ตอนที่คุณจะเอาตัวเลเวลน้อยในทัพไปบวกกับบอสเพื่อเก็บ EXP)

สิ่งที่น่าขัดใจประการเดียวที่ผมเจอจากฉากต่อสู้ก็คงจะเป็นแทนที่อนิเมชั่นจะดำเนินไปแบบต่อเนื่องระหว่างฝ่ายโจมตีและป้องกัน เมื่อ Counter กลับ ภาพก็จะแอบตัดดำไปชั่วขณะทำให้รู้สึกว่าการต่อสู้มันไม่ลื่นตาเหมือนกับในภาคก่อน ๆ ในหลาย ๆ จังหวะ และผู้เขียนได้ยินจากเพื่อนว่ามีอนิเมชั่นของหุ่นบางตัวทำได้แย่ (ผู้เขียนเล่น Super Routes ยังไม่เจออะไรที่ชวนให้รู้สึกขัดใจ)

ในภาพรวมแล้วถ้าเทียบกับเกมที่ลง PC มาก่อนอย่างภาค V หรือ X SRW30 ก็จัดได้ว่ามีพัฒนาการขึ้นจากเดิมแบบยกระดับและทำให้คุณรู้สึกบันเทิงกับเกมขึ้นจากเดิมมาก

ทว่า ณ ปัจจุบันตอนที่ผู้เขียนกำลังเขียนความเห็นนี้ ตัวเกมก็มีปัญหาอย่างไม่สามารถที่จะใช้ Steam UI เพื่อเก็บภาพได้ (เชื่อว่าน่าจะกันสปอยล์) DLCs ที่สุดแสนจะแพง กระนั้นในภาพรวมของเกม SRW30 ก็ยังเป็นอีกหนึ่งภาคของซีรีย์ที่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพที่น่าประทับใจ ถ้าคุณเป็นแฟนซีรีย์นี้หรือเหล่าหุ่นรบ คุณจะรู้สึกคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไปอย่างแน่นอน

+++ มี HAYAMI Saori เป็นกัปตันยานแม่
+++ Gridman และน้อง Rikka
++ ระบบที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้เล่นได้เป็นอย่างมาก
- เปิดตัวมาราคาแรง DLCs ราคาสุดโหดและ ณ ขณะทำบทความ Steam UI ยังใช้เก็บภาพเพื่อออกมานั่งชมไม่ได้
Posted 30 October, 2021.
Was this review helpful? Yes No Funny Award
9 people found this review helpful
0.5 hrs on record
“เดกอน” เป็นเรื่องสั้นที่ถูกเขียนขึ้นโดย เอช. พี. เลิฟคราฟท์ (H. P. Lovecraft) และถูกตีพิมพ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1919 (แต่คุณเลิฟคราฟท์ได้เขียนมันขึ้นนับตั้งแต่ปี 1917) เรื่องสั้นอันยอดเยี่ยมเรื่องนี้มักที่จะถูกนับเป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกในตำนานคธูลู (Cthulhu Mythos) ที่ได้ถูกเขียนขึ้นโดยเลิฟคราฟท์ และในความเห็นของผมเอง มันก็คือเรื่องสั้นที่อ่านง่ายและสนุกที่สุดเรื่องหนึ่งของเขา

แต่ถึงแม้ผลงานชิ้นนี้จะมีอายุกว่าร้อยปีแล้ว กระนั้นก็ยังยากที่จะหาผู้ใดสามารถที่จะเนรมิตมหากำแพงแห่งตัวอักษรของเลิฟคราฟท์ออกมาเป็นชิ้นงานที่ครบเครื่องทั้งเสียงและภาพออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบและยอดเยี่ยม “Dagon: by H. P. Lovecraft” โดย Bit Golem ก็คือผลงานการดัดแปลงเรื่องสั้น Dagon ออกมาได้อย่างน่าประทับใจและซื่อตรงที่สุดชิ้นหนึ่งในมุมมองของผมผู้เป็นแฟนของคุณเลิฟคราฟท์

ก่อนอื่นเลยที่ทุกท่านจะสัมผัสกับผลงานชิ้นนี้ ผมต้องขอแจ้งไว้ตรงนี้สักหน่อยว่า Dagon: by H. P. Lovecraft นั้นไม่ใช่เกม เพราะในความเป็นจริงแล้วมันคือ Visual Novel แบบ 3D เต็มรูปแบบต่างหาก ดังนั้นถ้าคุณหวังว่าจะได้เดินสำรวจหรือยิงกับพวกดีพวันก็คงจะผิดหวัง แต่ถ้าคุณปรารถนาที่จะได้สัมผัสกับเรื่องสั้น Dagon แบบดั้งเดิมที่มาครบทั้งภาพ เสียง และบรรยากาศโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องไปเปิดหนังสืออ่าน ผลงานชิ้นนี้ก็จัดได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเอามาก ๆ

ภาพในเกมอาจจะมิได้เลิศหรูอลังการมากนัก แต่มันก็สามารถที่จะจับบรรยากาศของเรื่องสั้นที่ให้อารมณ์อันเหนือจริงและประหลาดของเรื่องได้เป็นอย่างดี ส่วนตัวผมเองรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งกับภาพเนรมิตของดินแดนอันรกร้างเฉอะแฉะไกลสุดลูกหูลูกตาที่ได้ผุดขึ้นมาจากใต้ทะเลลึกของเรื่อง เมื่อนำภาพที่ได้รับมาผนวกเข้ากับเสียงประกอบและบทบรรยาย ผมรู้สึกว่าบรรยากาศที่ได้มันช่างน่ารื่นรมย์และชวนให้สะพรึงชะมัด

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลงานชิ้นนี้ก็คือนอกจากมันจะได้เล่าเรื่อง Dagon ให้กับคุณได้ฟัง ตลอดเรื่องราวทีมพัฒนาก็ยังสอดแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเอาไว้เกี่ยวกับคุณเลิฟคราฟท์ ตำนานคธูลูและสถานการณ์ของโลก ณ ช่วงเวลานั้นให้กับผู้ชมได้รับรู้อีกด้วย นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้ที่เพิ่งจะเคยได้สัมผัสกับตำนานคธูลูและไม่ค่อยจะคุ้นชิ้นกับคุณเลิฟคราฟท์มากนัก

“Dagon: by H. P. Lovecraft” เป็นผลงานดีที่ฟรีแบบที่ผมยินดีจะยอมจ่ายเพื่อมัน และนี่ก็คือก้าวแรกที่ดีสำหรับผู้ที่อยากจะสัมผัสกับตำนานคธูลูแต่ไม่ถูกจริตกับการอ่านมากนัก เพราะนี่ก็คือหนึ่งในผลงานการดัดแปลงเรื่องสั้นที่ชื่อ Dagon ที่ดีและซื่อตรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ปล. ถ้าคุณชอบความเห็นนี้ ก็เป็นไปได้ว่าคุณจะชอบเพจนี้
เรื่องเล่าจากข้างใต้ผืนฟ้าที่ไร้แสง [www.facebook.com]
Posted 28 October, 2021.
Was this review helpful? Yes No Funny Award
18 people found this review helpful
75.8 hrs on record (16.6 hrs at review time)
Early Access Review
ถึงแม้ปกติผมจะไม่ค่อยให้ความเห็นเกี่ยวกับเกมในช่วง Early Access สักเท่าไหร่ แต่ LOST EPIC นับได้ว่าเป็นหนึ่งเกมในช่วง EA ที่จัดได้ว่ามีคุณภาพเหนือความคาดหมายเอามาก ๆ และราคาก่อนตัวเต็มก็จัดได้ว่ากำลังงาม ผมจึงอยากที่จะแนะนำให้ทุกท่านที่ชอบเกมแนว Metroidvania ให้รีบจับจองเกมนี้ก่อนที่ราคาจะถูกปรับขึ้น

LOST EPIC ก็เป็นเกมแนว Metroidvania ที่มีอาร์ตแบบอนิเมะแลดูน่ารักที่มีจุดเด่นสำคัญก็คือการกระโดดเตะต่อยรัวคอมโบใส่ศัตรู โดยคอมโบที่ว่าก็สามารถที่จะทำได้หลากหลายไม่ว่าจะด้วยการตีเบารัว ๆ ก่อนตีหนัก หวดศัตรูให้ลอยขึ้นไปเพื่อไล่ฟาดต่อบนอากาศ หรือใช้ Skills ที่คุณเรียนรู้มาจากอาวุธและอุปกรณ์เพื่อที่จะช่วยสนับสนุนในการต่อสู้หรือใช้พวกมันเพื่อต่อคอมโบยาว ๆ ด้วยเหตุที่ตัวเกมนั้นมีอาวุธและอุปกรณ์ให้เลือกใช้จำนวนมาก (ซึ่งอาวุธและอุปกรณ์แต่ละชิ้นก็จะมอบ Skills ที่ต่างกันให้กับคุณ) คุณจึงสามารถที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีหรือคอมโบภายในเกมได้หลากหลายขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบของคุณ (อาวุธภายในเกมก็จะมีดาบสั้น ดาบยาว ธนู และถุงมือที่ใช้เพื่อร่ายเวทมนตร์)

ระบบพัฒนาตัวละครจัดได้ว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่ตัวเกมทำออกมาได้น่าสนใจ เพราะ LOST EPIC เป็นเกมที่อิงค่า Stats คุณจึงสามารถที่จะปรับสร้างตัวละครได้หลากหลายสาย ไม่ว่าจะเป็นสายระยะประชิดที่เน้นโจมตีทางกายภาพ สายต่อสู้ระยะไกล หรือสายเวทมนตร์ ในช่วงแรกผังพัฒนาตัวละครอาจจะแลดูเล็ก แต่เมื่อเกมดำเนินต่อไป ผังพัฒนาตัวละครก็จะถูกเติมหน้าใหม่เข้ามาให้จนคุณเริ่มที่จะรู้สึกว่าอาจจะฟาร์มกันจนเบื่อกว่าที่จะสามารถพัฒนาตัวละครได้จนสุดทาง ไม่ว่าจะอย่างไร ระบบพัฒนาตัวละครของเกมก็น่าจะช่วยให้คุณวนกลับมาเล่นซ้ำได้อยู่หลายครั้งเพื่อทดสอบ Build ใหม่ (ผมมั่นใจว่าคุณสามารถที่จะสร้างตัวละครสมบูรณ์แบบที่ทำทุกอย่างได้ในเซฟเดียว แต่การสร้างตัวละครเฉพาะทางน่าจะใช้เวลาน้อยกว่ามาก)

การสร้างอาวุธ อุปกรณ์ ปรุงอาหารและผลิตยาก็เป็นลูกเล่นที่สำคัญมากในเกม เพราะคุณจำเป็นที่จะต้องผลิตอาวุธออกมาเพื่อสวมใส่และเรียนรู้ Skills ใหม่ ๆ จากพวกมัน ในขณะที่อาหารและยานั้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่แทบจะขาดไม่ได้เพราะในช่วงแรกที่ตัวละครของคุณยังปวกเปียก ตัวเกมนั้นยากในระดับที่คุณอาจจะต้องตายซ้ำซากถ้าคุณยังพัฒนาตัวละครมาได้ไม่ดีพอ แต่ไม่ต้องห่วงว่าเกมจะยาก ถ้าคุณเข้าใจระบบเกมดีพอ แทบจะไม่มีศัตรูตัวใดภายในเกมแม้แต่บอสที่สามารถจะสะกิดผิวคุณได้ กระนั้นถ้าคุณคิดว่าเกมมันง่าย คุณก็สามารถที่จะเพิ่มระดับความยากได้เช่นกัน (ระดับความยากที่สูงขึ้น ก็จะให้รางวัลตอบแทนที่ดีขึ้นเช่นกัน)

การสำรวจภายในเกมนั้นจัดได้ว่าสนุกเอาเรื่อง เพราะมันเต็มไปด้วยช่องลับที่ไม่ได้ยากเย็นเกินกว่าจะมองหา แต่ก็ยังง่ายที่คุณจะเผลอมองข้ามไปได้ถ้าคุณไม่ทันได้หยุดสังเกต ก็เหมือนดังเช่น Metroidvania ส่วนใหญ่ การสำรวจมักจะมอบทักษะพิเศษที่สามารถจะช่วยให้คุณนำไปใช้เพื่อแก้ปริศนาและบุกฝ่าทางตันต่อไปได้ และคุณก็จำเป็นที่จะต้องใช้ทรัพยากรไม่น้อยเพื่อที่จะสร้างอาวุธและอุปกรณ์ คุณจึงอาจจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาเดินวนไปมา ณ จุดเดิมอยู่หลายครั้ง เดชะบุญที่การต่อสู้ของเกมสนุกเอาเรื่องและศัตรูก็เกิดกลับมารับมือรับเท้าอยู่เรื่อย ๆ การเดินทางในเกมจึงไม่ชวนให้รู้สึกเบื่อสักเท่าไหร่

ในส่วนของเนื้อหานั้น ขอสารภาพตามตรงว่าผมยังคงรู้สึกไม่แน่ใจนักเกี่ยวกับภาพรวมของเนื้อหา เพราะ LOST EPIC ใช้รูปแบบการเล่าเรื่องคล้ายกันกับเกมอย่าง Soul Series ที่มิได้บอกเล่าเนื้อหาแบบตรง ๆ สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือการออกผจญภัยไปในพื้นที่ต่าง ๆ และจัดการกับเทพที่ปกครองดินแดนส่วนนั้น ๆ ในฐานะของอัศวิน แต่จุดหมายปลายทางของเนื้อเรื่องอยู่ยังที่ใดนั้น เราคงอาจจะต้องรอจนกระทั่งถึงตอนที่เกมกลายเป็นตัวเต็มก่อนจึงอาจจะมั่นใจได้ ซึ่งถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ทีมพัฒนาวางแผนที่จะทำเกมจนเสร็จกลายเป็นตัวเต็มภายในปีนี้ (2021) ก่อนที่จะเริ่มเติมเนื้อหาและระบบใหม่ ๆ เข้ามาต่อให้กับเราได้เล่นกันในปีหน้า (2022)

และสุดท้ายในส่วนของงานออกแบบ สำหรับสายอนิเมะก็คงจะชอบ เพราะตัวละครสาว ๆ ในเกมล้วนแต่น่ารักน่าเอ็นดู อีกทั้งตัวละครของคุณก็ยังมีลุคให้เลือกค่อนข้างจะหลากหลาย น่าเสียดายที่ส่วนตัวผมเองรู้สึกว่าฉากหลังของเกมแลดูจืด ๆ ไปสักหน่อยเพียงเท่านั้น

ข้อเสียที่พบใน Early Access ก็คือระบบ Co-op ของเกมที่ช่วยให้สามารถจะร่วมเล่นไปกับเพื่อนได้ยังไม่มีและทำได้เพียงแค่อัญเชิญผู้เล่นมาร่วมเกมได้แบบสุ่ม ก็หวังได้แค่ว่าทีมพัฒนาจะช่วยเติมระบบนี้เข้ามาในภายหลัง

ในภาพรวมแล้ว LOST EPIC นับได้ว่าเป็นการลงทุนล่วงหน้าที่แลดูคุ้มค่าอยู่ไม่น้อยและน่าจะช่วยเกาได้ถูกทีคันสำหรับชาว Metroidvania ที่หาเกมดี ๆ แนวนี้บน PC ได้ยากนัก
Posted 8 October, 2021.
Was this review helpful? Yes No Funny Award
< 1  2  3  4  5 ... 18 >
Showing 21-30 of 180 entries